เรียนคุณหมอ ดร.โอ สุขุมวิท 51 ที่นับถือค่ะ

ปัจจุบันดิฉันอายุ 43 ปี สามีอายุ 50 ปี มีความวิตกกังวลและไม่สบายใจมาก คือ สามีป่วยเป็นเบาหวานมาได้กว่า 3 ปีแล้ว เข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องที่โรงพยาบาล ปัญหาที่เกิดขึ้นคืออวัยวะเพศไม่แข็งตัวเลย ทำให้รู้สึกเบื่อหน่ายทั้งที่เราทั้งสองคนยังมีความต้องการทางเพศอยู่ ตอนแรกคิดว่าเหตุเกิดจากตัวเองที่มีอาการตกขาว อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา จึงตัดสินใจไปรับการตรวจภายในแล้วพบว่าทุกอย่างปกติ เมื่อพาสามีไปรับการตรวจ แพทย์ผู้ตรวจบอกสามีว่าให้ทำใจเพราะการป่วยเป็นโรคเบาหวานย่อมเกิดอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศตามมาได้ รู้สึกสงสารสามีมากที่ไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เหมือนเดิม จึงจะพาสามีไปพบคุณหมอโอเพื่อให้ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ

ด้วยความนับถือค่ะ
ปิ๋ม 43

ตอบ ปิ๋ม 4

เบาหวานกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศในผู้ชายเป็นของคู่กัน อาการอีดีในผู้ที่เป็นเบาหวานมักจะมีอาการเกี่ยวกับการแข็งตัวขององคชาตไม่เต็มที่ เนื่องจากเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดอวัยวะจะทำงานได้ดีก็ต่อเมื่อมีเส้นเลือดไปเลี้ยงที่ดี การแข็งตัวของอวัยวะเพศเกิดจากการที่มีหลอดเลือดไปรวมคั่งอยู่ในอวัยวะเพศซึ่งทำให้เกิดการแข็งตัว ถ้าเส้นเลือดมีปัญหาเลือดก็จะไหลเวียนไปได้น้อยทำให้แข็งตัวได้ไม่ดี การที่เส้นเลือดเสื่อมมักเกิดจากการเป็นโรคเรื้อรังที่ทำลายเส้นเลือด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
ไขมันในเลือดสูง ภาวะเหล่านี้จะทำให้เส้นเลือดเสียความยืดหยุ่นและแข็งตัวทำให้ขยายไม่ได้ เลือดจึงไปเลี้ยงที่อวัยวะส่วนปลายได้น้อยลง ผู้ชายที่ป่วยเป็นโรคดังกล่าวจึงมีโอกาสเกิดอาการอีดีได้สูงมาก

สำหรับการรักษาอาการอีดีที่เกิดจากโรคเบาหวานเรื้อรัง แพทย์จะทำการรักษามีตั้งแต่ใช้วิธีรักษาฟื้นฟูซ่อมแซมหลอดเลือดที่ถูกทำลาย ร่วมกับการใช้ยาในกลุ่มยับยั้งเอนไซม์พีดีอี-5 ยากลุ่มนี้หากใช้ไปนาน ๆ หรือใช้ในคนไข้ที่คุมระดับน้ำตาลไม่ดีจะก่อให้เกิดการดื้อยาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ไม่ได้ผลในการรักษาเท่าที่ควร การใช้ยาฉีดในผู้เป็นเบาหวานเรื้อรังแล้วมีอาการอีดีก็สามารถแก้ไขภาวะนี้ได้ การบริหารกล้ามเนื้อเพศเป็นประจำถือเป็นสิ่งที่ควรทำในผู้ป่วยดังกล่าวเพราะจะทำให้มีเลือดไหลเวียนแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนแก่กล้ามเนื้อเพศให้กล้ามเนื้อเพศแข็งแรงซึ่งสามารถสังเกตได้จากสีของหัวองคชาตจะมีสีแดงอมชมพูเรื่อ ๆ แสดงถึงมีสุขภาพดี

ปัจจุบันมีวิธีการรักษาอาการอีดีระยะยาวในผู้ที่เป็นเบาหวานนั่นคือวิธีช็อกเวฟ วิธีนี้อาศัยการยิงคลื่นความถี่ต่ำไปยังเส้นเลือดที่องคชาตเพื่อกระตุ้นให้มีอาการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่องคชาตเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ป่วยอีดีหลายรายสามารถลดการใช้ยาลงไปได้เยอะ ดังนั้นการรักษาอาการอีดีจากโรคเรื้อรังจำเป็นต้องอาศัยการรักษาหลายแบบร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและฟื้นฟูอาการอีดีให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากในการรักษานั่นก็คือความร่วมมือจากตัวผู้ป่วย ต้องมีความอดทน และตั้งมั่นในการเข้ารับการรักษาที่ถูกต้องจะได้ไม่เสียของรัก.