ระหว่างช่วง 2 สัปดาห์ที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกหยุดพักแข้งเพื่อหลีกทางให้กับโปรแกรมทีมชาติเชื่อว่า แฟนบอลผีแดงส่วนใหญ่น่าจะกำลังตั้งตารอว่า จะมีข่าวดีจากรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ออกมาให้ได้ชื่นใจบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะข่าวคราวเกี่ยวกับอนาคตของ โอเล กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์

            ทว่าหลังจากผ่านมาแล้วกว่าหนึ่งสัปดาห์ก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ จากฝ่ายบริหารของ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งสิ้น แถมสื่อหลายสำนักในอังกฤษยังรายงานตรงกันด้วยว่า เก้าอี้ของ โซลชา ยังแข็งแรงดี และน่าจะมีโอกาสได้อยู่คุม ปิศาจแดง ต่อไปจนถึงช่วงสิ้นสุดฤดูกาลนี้เลยด้วยซ้ำ

            เรื่องนี้แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนแล้วนะครับว่า ปัจจุบัน แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่ “สโมสรฟุตบอล” แต่พวกเขาคือ “บริษัทที่ประกอบกิจการด้านฟุตบอล” โดยมีเป้าหมายสูงสุดอยู่ที่การหาเงินป้อนเข้าสู่กระเป๋าของเจ้าของทีมอย่างตระกูลเกลเซอร์

            ส่วนความสำเร็จในสนามเป็นเพียงเรื่องที่มีความสำคัญรองลงมา หรือ อาจจะไม่มีความสำคัญใด ๆ เลยด้วยซ้ำในสายตาเจ้าของทีมชาวอเมริกัน ที่ดูจะพออกพอใจกับการคว้าอันดับ 1 ใน 4 เพื่อเข้าไปโกยเงินในฟุตบอลถ้วยใหญ่อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น

            ในขณะที่ทีมระดับใกล้เคียงกันอย่าง สเปอร์ส ทีมระดับกลางตารางอย่าง แอสตัน วิลลา หรือ แม้กระทั่งทีมระดับท้ายตารางอย่าง นอริช ซิตี และนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จ ด้วยการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมโดยหวังใจว่า จะช่วยให้สถานการณ์ของทีมดีขึ้นไม่มากก็น้อย

            ทว่าบอร์ดของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับยังปล่อยให้ โซลชา และทีมโค้ชฝึกงานของเจ้าตัวลอยนวลทั้งที่พาทีมทำผลงานออกทะเลจนแทบจะหมดลุ้นแชมป์ลีกไปแล้วหลังเพิ่งผ่านไปแค่ 11 นัด

            การพาทีมแพ้อริตัวเอ้อย่าง ลิเวอร์พูล คาบ้าน 0-5 และโดน แมนฯ ซิตี บุกมากระซวกซ้ำอีก 2-0 ถือเป็นผลงานระดับบัดซบตบชักที่ไม่ว่าจะเป็นกุนซือคนไหนก็ไม่ควรจะได้นั่งเสนอหน้าในตำแหน่งพ่อใหญ่แห่ง “โรงละครแห่งความฝัน” อีกต่อไปทั้งสิ้น

            แต่ โซลชา กลับยังได้ลอยหน้ายิ้มแฉ่งให้สัมภาษณ์สื่อในฐานะผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมพ่นคำพูดสวยหรูอาทิ “เรามาไกลเกินกว่าจะยอมแพ้ได้” และทำให้ เรด เดวิลส์ กลายเป็นตัวตลกในสายตาแฟนบอลคู่แข่งอย่างต่อเนื่องเสียอย่างนั้น

            ที่สำคัญหมอยังมีแก่ใจปล่อยให้ลูกทีมหยุดพักผ่อนหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ตัวเองก็หอบลูกเมียบินกลับไปชาร์จแบตที่ประเทศนอร์เวย์บ้านเกิดสบายใจเฉิบ ถามหน่อยว่า คนอย่างนี้หรือที่จะพา แมนฯ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่? ไม่มีทางแน่นอน.

แท ยอน