จากสุดสัปดาห์ที่แล้วเหมือนล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ มาถึงสุดสัปดาห์นี้ เหล่า “เดอะ ค็อป” ทั้งผองถูกกระชากหล่นตุ้บลงมาอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง…

เกมเปิดบ้านเสมอ ไบรท์ตัน 2-2 เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แม้จะยังทำให้สถิติไม่แพ้ใครในทุกรายการติดต่อกันยังคงเดินหน้าต่อเนื่องเป็นเกมที่ 21 แต่เนื้อในของเกมแล้วเผยให้เห็นจุดที่ เจอร์เกน คลอปป์ ยังต้องแก้ไขอีกมากมาย

แม้ก่อนเกมจะถูกมองว่าเป็ฯต่อบานเบอะ ด้วยฟอร์มหลังในเกมแดงเดือดสุดสัปดาห์ก่อนไฉไลสุด ๆ ขณะที่ “นกนางนวล” กำลังอยู่ในช่วงสะดุดไม่ชนะติดกันมาหลายนัด แต่ถ้าจะว่ากันจริง ๆ ถ้าดูจากรูปเกมในครึ่งหลัง ก็ต้องบอกว่าสำหรับ ลิเวอร์พูล นั้น 1 แต้มก็น่าพอใจ ไม่ถึงกับแพ้คาบ้านก็โอเคแล้ว

การที่ครึ่งแรกขึ้นนำก่อน 2-0 จาก จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ตั้งแต่นาทีที่ 4 และ ซาดิโอ มาเน นาทีที่ 24 ทำให้หลายคนอาจมองข้ามความเป็นจริงที่ว่าแผงมิดฟิลด์ของ “หงส์แดง” ในช่วงนี้ไม่ได้มีขุมกำลังเป็นทางเลือกให้ เจอร์เกน คลอปป์ มากนัก

แต่พออยู่ดี ๆ เอน็อค เอ็มเวปู มิดฟิลด์ทีมเยือนยิงลูกตีไข่แตกแบบงามหยดในช่วงปลายครึ่งแรก ทำให้เกมครึ่งหลังเกิดความตึงเครียดขึ้นมาทันที โดยเฉพาะในแดนกลาง ยิ่ง นาบี เกอิตา เจ็บโดนเปลี่ยนออก บวกกับการขาดหายไปของ ฟาบินโญ ที่สำคัญอย่างยิ่งกับรูปเกมแบบนี้นั้น เริ่มเผยให้เห็นปัญหา

ในครึ่งหลัง แดนกลางของ ไบรท์ตัน เริ่มบีบเกมเร็วขึ้น ทำให้เกมรุกของ ลิเวอร์พูล เริ่มติด ๆ ขัด ๆ ไม่ทะลุทะลวงเหมือนที่เคย “หงส์แดง” เริ่มเสียบอลให้ทีมเยือนเอาไปโต้กลับบ่อยขึ้น จนกระทั่งเสียประตูตีเสมอในที่สุดจากการล็อกเข้าไปยิงอย่างเยือกเย็นของ เลอันโดร ทรอสซาร์

กระนั้น จะบอกว่า “หงส์แดง” ไม่ดีอย่างเดียวก็เห็นจะเป็นการไม่ให้เครดิตลูกทีมของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ อย่างที่ควรจะเป็น พลพรรค “นกนางนวล” เล่นได้ในฟอร์มที่ดีที่สุดนัดหนึ่งในฤดูกาลเลยก็ว่าได้ และการได้ ทาริค แลมป์ตีย์ กลับมา ทำให้เกมสวนกลับของพวกเขา “ไปสุด” เพราะเจ้าตัวครองบอลเหนียว ไปกับบอลได้ด้วยความเร็ว จึงไม่แปลกที่สื่อหลายสำนักจะยกให้เจ้าตัวเป็น “แมน ออฟ เดอะ แมตช์”

สรุปรวมแล้วต้องบอกว่า ไบรท์ตัน สมควรได้ 1 แต้มกลับออกไปจากแอนฟิลด์ด้วยประการทั้งปวง…

ส่วน “หงส์แดง” นั้น ผลเสมอเกมนี้ ไม่ได้บ่งบอกว่าทีมย่ำแย่อะไร พอมิดฟิลด์ที่เจ็บอยู่หายกลับมาก็น่าจะทำให้แดนกลางสมบูรณ์ขึ้น ซึ่งก็น่าจะส่งผลให้ภาพรวมของทีมแกร่งขึ้น

เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่แฟนบอลลิเวอร์พูลได้เรียนรู้จากเกมนี้คือ มันเป็นไปไม่ได้ที่ทีมจะโชว์ฟอร์มเป็นเทพมันได้ทุกนัด สิ่งสำคัญคือในวันที่ไม่ดี ทำยังไงให้มีแต้มติดมือ

และต้องเรียนรู้ที่จะเข้าใจ ในวันที่ทีมไม่ได้ “องค์ลง” ดังเช่นเกมนี้…

////////////////////////////////

สถิติน่าสนใจหลังเกม ลิเวอร์พูล – ไบรท์ตัน

  • เกมนี้เป็นครั้งที่ 250 ที่ ลิเวอร์พูล ขึ้นนำคู่แข่งในเกมลีกนัดเหย้าห่าง 2 ประตู แต่นี่เพิ่งเป็นครั้งที่ 6 จาก 250 ครั้งที่พวกเขาไม่ชนะ
  • ไบรท์ตัน ไม่แพ้ ลิเวอร์พูล ในทุกรายการมา 3 เกมติดต่อกันแล้ว ทั้งที่การเจอ “หงส์แดง” 12 นัดก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่เคยหลีกเลี่ยงความพ่ายแพ้ได้ติดต่อกันเกิน 2 นัดเลย
  • หลังผ่าน 10 เกมในซ๊ซั่นนี้ ลิเวอร์พูล ยิงประตูในลีกไปแล้ว 29 ลูก ก่อนหน้านี้มีแค่ในซ๊ซั่น 1978-79 เท่านั้นที่พวกเขายิงได้มากกว่าหลังผ่าน 10 นัด โดยครั้งนั้นส่องไป 33 ประตู
  • ซาดิโอ มาเน ไม่เคยแพ้เมื่อเขายิงประตูได้ในเกมลีกนัดเหย้าตลอด 52 เกมที่ผ่านมา โดยชนะไป 47 เสมอ 5 ซึ่งเป็นสถิติดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีก
  • โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิง ลิเวอร์พูล แอสซิสต์ในเกมลีกเป็นนัดที่ 4 ติดต่อกัน ทำให้เจ้าตัวเป็นนักเตะแอฟริกันคนที่ 4 ที่ทำได้ต่อจาก แชร์วินโญ, ยายา ตูเร และ วิลฟรีด ซาฮา
  • ฤดูกาลนี้ เลอันโดร ทรอสซาร์ ยิงไปแล้ว 2 ประตูในลีก ซึ่งเกิดขึ้นในเกมเยือนทั้งหมด ทั้งที่ 10 ประตูที่เขายิงได้ในเกมลีกก่อนหน้านี้ เป็นประตูที่เกิดขึ้นในเกมนอกบ้านแค่ 2 ลูกเท่านั้น