“อย่าเก็บขยะจากปากใคร มาไว้ในใจเรา…ไม่ต้องยืนในที่ที่ดีที่สุด จงยืนในที่ที่ทำให้เรามีความสุขก็พอ”

สังคมทุกวันนี้มันน่ากลัวจริงๆ จะมีครอบครัวไหนบ้างที่รู้สึกไว้วางใจหรือปลอดภัย เมื่อลูกหลานของตัวเองต้องออกไปไกลหูไกลตา เชื่อว่าไม่มีผู้ปกครองคนใดมั่นใจได้เลยว่าพวกเขาจะไม่ไดก็รับอันตรายใดๆ แม้กระทั่งการออกไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว3” โพสต์คลิปความยาว 31 วินาที พร้อมข้อความระบุว่า “ช่วงเย็นมีวัยรุ่นสองคนชิงกระเป๋านักเรียนอายุ 17 ปี ขู่บังคับเอาเงินในซอยพัฒนาการ 20” ซึ่งเหตุบริเวณปากซอยพัฒนาการ 20 แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

โดยเป็นคลิปขณะวัยรุ่น 2 คน แต่งกายมิดชิดสวมหมวกกันน็อกเต็มใบ ใช้อาวุธปืนและมีดดาบ เข้าชิงทรัพย์นักเรียนกางเกงขาสั้น กลางวันแสกๆ ท่ามกลางผู้คน พร้อมเอาปืนจ่อประชาชนที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ให้เข้าไปยุ่ง ทำเอาคนละแวกดังกล่าวต้องพากันหนีกระเจิง

จากนั้น เด็กผู้เสียหายได้เข้ามาพบพนักงานสอบสวนเพื่อมาแจ้งความดำเนินคดี ส่วนผู้ก่อเหตุฝ่ายสืบสวน สน.คลองตัน สามารถติดตามตัวมาได้แล้ว 1 ราย พร้อมรถจักรยานยนต์ 1 คันที่ใช้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างติดตามผู้ก่อเหตุอีก 2 ราย โดยผู้ก่อเหตุเป็นเด็กในพื้นที่ พบว่าอายุประมาณ 11-13 ปี เป็นเด็กเกเร ไม่ได้เรียนหนังสือ

วินจยย.รับจ้าง ให้ข้อมูลว่า ตรงจุดนี้จะมีวัยรุ่นกลุ่มเดิมๆ ก่อเหตุในลักษณะแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ทั้งลักขโมย ปล้นทรัพย์ หรือแม้แต่กระทั่งก่อเหตุทะเลาะวิวาทกับวัยรุ่นกลุ่มอื่น โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้เรียนหนังสือ ก็รู้สึกสงสัยเหมือนกันว่า เอาเงินที่ไหนไปใช้ซื้ออาวุธปืน และมีดมาใช้ในการก่อเหตุ อีกทั้งกลุ่มผู้ก่อเหตุจะเลือกลงมือเฉพาะเด็กนักเรียนเพียงเท่านั้น

ต่อมา ตำรวจได้ควบคุมตัวเยาวชน 2 คน อายุ 14 ปี ที่ก่อเหตุเอาไว้ได้ เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ ก็ไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย พูดแต่เพียงว่า “ไม่รู้ๆๆ”

ด้านพ่อของเด็กนักเรียนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ลูกชายมาบอกว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน และมีชาย 3 คนแต่งกายมิดชิดสวมหมวกกันน็อก วิ่งเข้ามาใช้มีดและปืนจี้เอากระเป๋านักเรียนและนาฬิกาไป ปกติลูกจะเดินทางกลับบ้านเส้นนี้ทุกวัน และไม่เคยพบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุมาก่อน พร้อมยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน

“หลังเกิดเหตุลูกชายยังอยู่ในอาการตกใจกลัว ซึ่งหลังจากนี้จะให้ลูกชายเปลี่ยนเส้นทางกลับบ้านและให้ระวังตัวมากขึ้น ส่วนตัวคิดว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอุกอาจมาก เพราะช่วงเวลาที่เกิดเหตุเป็นช่วง 16.00 น. หลังเลิกเรียน แต่ก็ยังก่อเหตุทำเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน”

คดีนี้ผู้เสียหายเป็นเยาวชนอายุ 17 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นเด็กอายุ 11 ขวบ 1 ราย และอายุ 14 ปี 2 ราย ใช้อาวุธมีดและปืนปลอม ร่วมกันปล้นทรัพย์สินไป ที่สำคัญก่อนหน้านี้กลุ่มผู้ก่อเหตุเคยถูกตำรวจเชิญตัวมาทำประวัติแล้ว เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ซึ่งครั้งนั้นไม่มีเจ้าทุกข์และไม่ได้ก่อเหตุที่ผิดกฎหมาย ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันปล้นทรัพย์ โก่อนนำตัวผู้ก่อเหตุส่งศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

คดีนี้ดูผิวเผินเหมือนไม่น่าสนใจ แต่เมื่อคิดวิเคราะห์ให้ดีแล้วจะเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะนิ่งเฉยหรือปล่อยวางได้ เด็กอายุแค่ไม่ถึง 15 ปี ถึงขั้นเอาอาวุธมาก่อเหตุปล้นทรัพย์ นี่ยังดีที่น้องผู้เสียหายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก นี่สังคมมันเริ่มเสื่อมโทรมลงขนาดนี้แล้วหรือเนี่ย.

ข่าวสารตำรวจ

ตรวจเยี่ยมประชาชน
เมื่อเร็วๆนี้ พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสขาวัฒน์ รอง ผบก ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.ต.รัชพล บุญเรือง สว.ฝอ.ภ.จว.เพชรบุรี สายตรวจตำบลนายาง สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้ออกตรวจเยี่ยมประชาชนตามโครงการจิตอาสา.
จากการที่ อาจารย์โรงเรียนวัดนายาง ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ได้นำนักเรียนเข้ามาอบรมตามโครงการ Young Petch-Poll แล้วได้แจ้งให้ พ.ต.อ.ธงชัย เนตรสีขาวัฒน์ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ทราบว่ามีเด็กนักเรียนวัดนายาง.จำนวน 2 ราย ที่ตั้งใจเรียน มีความประพฤติเรียบร้อย แต่ขาดแคลนและมีเป็นอยู่ที่ลำบากจึงได้นำสิ่งของต่างๆ เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช ยาสามัญประจำบ้านตลอดจนสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆนำมามอบให้กับเด็กนักเรียนดังกล่าวเพื่อบรรเทาความเดือดรัอน ดังนี้ 1.ด.ญ.ปริฉัตร เจิมสุวรรณ
น.ส.ลำใย ศรีจันทร์ (มารดา) 7 ม.4 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี 2.ด.ญ.นัชชา เพชรล้วน
นางสุกัญญา นนธิจันทร์(มารดา) 82/1 ม.8 ต.นายาง อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี.

ปชช.ไม่ปลื้ม
วันก่อน “รองเฟย” พ.ต.ท.ธรรมวิทย์ พลแก้ว รอง ผกก.ป.สภ.ชุมแพ จว.ขอนแก่น ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร ประชุมชี้แจงมอบหมายงาน ดำเนินโครงการหมวกต้องใส่ ท้ายต้องชัด เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ซึ่งจะดำเนินการกวดขันจับกุมตามถนน สี่แยกในตัวเมืองชุมแพ พร้อมกันในวันที่ 30 ส.ค.67 ซึ่งหลังจากชาวบ้านทราบข่าว ก็มีเสียงสะท้อนออกมาทันที ถนนสายหลัก แยกหลัก ควรกวดขันจับกุม ส่วนแยกย่อยไม่ควรเข้มงวดจนเกินไป ชาวบ้านออกมาจ่ายตลาด ถูกจับปรับเงินก็ไม่ไหว เข้าใจว่ายอดปรับ เปอร์เซ็นต์ มันล่อใจตำรวจ แต่ยุคข้าวยากหมากแพง ควรเห็นใจชาวบ้านด้วย

ชื่นชม ตร.ทล.ขอนแก่น
พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการประจำ สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่ง ชาติ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายเสริมสร้าง ภาพลักษณ์ตำรวจจราจร คณะทำงาน ขับเคลื่อนงานจราจร สำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (คจร.ตร.) ชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง ขอนแก่น 2 นาย ที่ให้การ ช่วยเหลือประชาชนที่มีภาวะอาการชักเกร็งขณะขับรถได้ทันท่วงที จนอาการ ปลอดภัยได้รับความขอบคุณจากญาติ ของผู้ประสบเหตุ และได้รับการชื่นชม จากผู้เห็นเหตุการณ์ และในโซเชียลฯ จำนวนมาก. นายวราทิตย์ ขับรถกลับบ้าน แต่ระหว่างทางมีอาการชักเกร็งหายใจไม่ออก จึงจอดรถข้างทางเพื่อดูอาการ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต่อมา ร.ต.ท.ประเทือง เนื่องทะบาล และส.ต.ท.ปิยะภัฏชรพงษ์ ใจมณี ตำรวจทางหลวง ส.ทล.2 กก.4 บก.ทล ขอนแก่นได้ขับรถวิทยุ 4216 ออกตรวจพื้นที่ และตรวจพบจึงรีบ ให้การช่วยเหลือในการปฐมพยาบาล เบื้องต้น และเรียกรถพยาบาลนำส่งโรงพยาบาลพล จ.ขอนแก่น จนอาการปลอดภัย มารดาและญาติของนายวราทิตย์ ได้เดินทางไปขอบคุณ ตำรวจที่ได้ให้การช่วยเหลือบุตรของตนอย่างทันท่วงทีจนพ้นขีดอันตราย สามารถกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านได้ การทำงานเป็นการใช้ไหว พริบปฏิภาณตลอดจนจิตวิญญาณของ ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์ ด้าน พ.ต.ท.ศิวกริช ศิษย์บุญรัตน์ รอง.ผกก4ทล.ขอนแก่น.ขอแสดงความยินดีและชื่นชมกับ ตำรวจทางหลวงทั้ง2นายด้วย

คัดแยกขยะในชุมชน
พ.ต.ท.เกชา ราษฎรนิยม สวป. สภ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พ.ต.ท.บุญ นาค เกื้อกูล สว.อก.สภ.บ้านบึง และเจ้าหน้าที่ตำรวจจิตอาสา สภ. บ้านบึง เข้าร่วมกิจกรรมคัดแยกขยะในชุมชน ที่บ้านห้วยน้ำโจร ม.3 ต.บ้านบึง ซึ่งเป็นโครงการร่วมของ บริษัท โฟร์ซัน อีสเทิร์น จำกัด เพื่อเป็นการดูแลสิ่งแวดล้อม พร้อมให้ความรู้กับคนในชุมชนรวมทั้งเป็นการปลูกจิตสำนึกของการนำสิ่งของใช้แล้วกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี โดยมี นายสมพล สุภาผล นายกเทศมนตรีตำบลบ้านบึง พร้อมด้วยคณะผู้บริ หาร สมาชิกสภาเทศบาล สิบตำ รวจโทวิชาญ รอดไพบูลย์ ปลัดเทศบาล และประชาชนเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก

*****************************************

คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป