ส่วนใครจะก้าวเข้ามาเป็นครม.อิ๊ง 1″ ก็เชื่อได้ว่าไม่เหนือความคาดหมายอีกเช่นกัน เพราะเป็นที่คาดเดากันได้อยู่แล้ว ว่าใครจะมาใครจะไป ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฎิบัติในทุกรัฐบาล

แต่ที่น่าจับตาคงต้องรอดูการตัดสินใจว่า นายกฯอิ๊งจะดูแลฝ่ายเศรษฐกิจ หรือฝ่ายความมั่นคง เองหรือไม่?

“นายกฯ อิ๊ง” ได้ให้คำมั่นสัญญา หลังรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง โดยจะทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีให้ดีที่สุด ทำให้ปากท้องของพี่น้องประชาชนดีขึ้น รวมไปถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ก่อนจะทิ้งท้ายไว้ว่า

ขอสัญญาว่าจะทำให้ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยเป็นพื้นที่ของโอกาส เป็นพื้นที่คนไทยกล้ามีความฝัน มีความคิดสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง

ส่วนเรื่องของโครงการเงินดิจิทัล วอลเลต นั้น ถือเป็นความตั้งใจที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของประเทศ และนำไปหาเสียง เพราะศึกษาและสังเคราะห์มาอย่างดีแล้ว ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องรับฟังเพิ่มเติม

ไม่เพียงเท่านี้…นายกฯ อิ๊ง ย้ำว่า ต้องอยู่ในระเบียบของวินัยการเงินการคลัง ต้องมีเนื้อหาที่ชัดเจน และที่ทำต่อเนื่อง คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ยังต้องอยู่แน่นอน

คำตอบของนายกฯอิ๊ง ยังไม่ได้ ฟันฉับว่าจะเลิก หรือจะเดินต่อ เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่นั้นทำได้หลายทาง ทำได้หลายมาตรการ

แตกต่าง…จากเรื่องของนโยบาย ซอฟต์ พาวเวอร์ ที่นายกฯ อิ๊ง ย้ำชัดเจนว่าจะเดินหน้านโยบายนี้ต่อแน่นอน!!

เอาเป็นว่าประชาชนคนไทยอดใจรอกันอีกนิด เพราะนายกฯอิ๊ง ย้ำว่า นโยบายทั้งหมดเตรียมแถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ภายในเดือนก.ย.นี้

แต่สิ่งที่นายกฯอิ๊ง และรัฐบาลชุดใหม่จะรอไม่ได้เลย คือ การทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นมาได้อย่างมั่นคง เพราะมีเรื่องที่ท้าทายความสามารถอยู่ไม่น้อย

ทั้งเรื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ที่เห็นได้ชัด ว่าไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแรงบริโภคในประเทศ การผลิตที่ชะลอตัวมากหลายโรงงานต้องปิดตัวเองไปจำนวนไม่น้อย หลังเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

อย่าลืมว่า… หนึ่งในเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย คือการทำให้เศรษฐกิจเติบโตให้ได้ปีละ 5% ซึ่งจากนี้ไปอีก 3 ปี ก่อนหมดวาระรัฐบาลจะเดินหน้ากันอย่างไร? เพื่อให้ถึงเป้าหมาย

เช่นเดียวกับเรื่องของการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ในวันที่ 1 ..นี้ แม้ก่อนหน้านี้มีการนำร่องปรับขึ้นไปแล้วใน 10 จังหวัดท่องเที่ยว

แต่เรื่องการขึ้นค่าแรงนี้ ต้องยอมรับว่า ได้กลายเป็น ต้นทุน สำคัญของภาคเอกชน ที่กำลังเผชิญสารพัดปัจจัยในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ไม่เพียงเท่านี้…ปัญหาเรื่อง หนี้ที่กำลังพุ่งทะยานอย่างสูงสุด โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่แตะระดับที่ 16 ล้านล้านบาทหรือมากกว่า 90.9% ของจีดีพี

หรือ!! แม้แต่หนี้ของรัฐบาลที่จวนเจียนจะแตะขอบเพดานความยั่งยืนทางการคลัง ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 70% ของดีจีพี อยู่รอมมะร่อ ที่ก้เป็นปัญหาใหญ่ ที่รอรัฐบาลของอิ๊ง มาสะสาง

ที่ใหญ่สุด!! คงหนีไม่พ้นเรื่องของภาคการส่งออก จะทำอย่างไร? ให้ฝ่าฟันมรสุมลูกมหึมา นี้ไปให้ได้ จริงอยู่…เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรัฐบาลเท่านั้น เพราะเป็นปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้

แต่…ความจริง คือภาคการส่งออก เป็นเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ที่ผู้บริหารประเทศต้องเข้ามาดูแล มาทะนุถนอม ให้ระบบเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งให้ได้เท่ากับศักยภาพของประเทศให้ได้

เพราะเวลานี้การส่งออกในครึ่งปีแรก ยังสามารถขยายตัวได้เพียงแค่ 2% เท่านั้น โดยมีมูลค่า 145,290 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้ามีมากถึง 150,532.6 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 3%

นั่น…เท่ากับว่า ไทยยังขาดดุลการค้าอยู่ที่ 5,242.7 ล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้ากับจีน ที่ไทยขาดดุลมาอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสินค้าจีนราคาถูก ที่ไหลทะลักเข้ามาในไทยอย่างต่อเนื่องมากมาย จนทำให้ธุรกิจไทยต้องล้มหายปิดตัวไปเป็นจำนวนไม่น้อยทีเดียว

เหล่านี้!! เป็นเพียงความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจ เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่นายกฯอิ๊ง และรัฐบาล อิ๊ง 1 ต้องเข้ามาขับเคลื่อนเข้ามาดูแล มาโชว์ฝีมือให้ได้มากกว่าที่เคยเป็น

เพราะ…เมื่อเห็นผล ความเชื่อมั่นในเมืองไทยก็จะกลับคืนมา เมื่อเชื่อมั่นกลับมาประเทศไทยก็จะอยู่ในสายตาของชาวโลกต่อไป…

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่