ฮอตและมีผลงานอย่างต่อเนื่องสำหรับเจ้าของวลีเพลง “เพี้ยง เพี้ยง เพี้ยง อยากมีตะเกียงวิเศษ” สำหรับเพลง“ตะเกียงวิเศษ (One Wish)” ของสาวน้อยมากความสามารถอย่าง มินนี่ จากค่าย Club After Class ที่นับวัน เธอยิ่งเก็บเกี่ยวประสบการณ์มากขึ้นและผลิตผลงานดีๆออกมาให้แฟนๆฟังมากขึ้น และทุกๆงานของเธอนั้น ก็ถูกพูดถึงตลอด ล่าสุด yimyim มีโอกาสเจอตัวสาวมินนี่ที่เดินทางมาแนะนำเพลงใหม่ เราเลยไม่พลาดคว้าตัวมาอัพเดทผลงานกันอย่างจัดเต็ม

ทักทายแฟนๆเดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?

“สวัสดีค่ะ มินนี่นะคะจาก ClubAfterClass ค่ะ(ยิ้ม)”

กลับมาครั้งนี้มีซิงเกิ้ลใหม่มาด้วย ชื่อว่าอะไรยังไงเอ่ย?

“ชื่อว่า ข้อไม่อ้าง (Rainy) ค่ะ ความแตกต่างจากเพลงก่อนๆเอาแบบเห็นได้ชัดก่อนเลยคือเพลงตะเกียงวิเศษนะคะคือเพลงเร็ว เร็วสุดแล้ว ส่วนเพลงเปิดดูตรงไหน จะมีความช้าหน่อย ส่วนอันนี้จะอยู่กึ่งกลางระหว่างนั้น Medium อะไรแบบนี้ มีความแบบน่ารัก แบ๊วๆ เอาจริงอันนี้มันจะมีความคล้ายตะเกียงวิเศษนิดหน่อย มีโคลนนิดนึง เป็นคาแรคเตอร์เรา ฟีลๆนั้นค่ะ”

ทำไมถึงใช้ชื่อเพลงว่า “ข้อไม่อ้าง” ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย?

“เพราะว่ามันคือข้อไม่อ้างค่ะ (หัวเราะ) คือเพราะว่าเราใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการมาอ้าง สมมตินะ ฝนตก ๆ ฉันเลยชอบเธอ ทำไมใช่เธอแล้วฉันจะชอบใครที่ไหน แล้วแบบคือมันแบบไปเรื่อยมากเลย แต่จริง ๆ แล้วคือมันไม่เกี่ยวเลยสักอย่างค่ะ”

แล้วเพลงนี้คนที่ฟังหนูตั้งใจทำออกมาให้เป็นแฟนๆกลุ่มไหน?

“เอาจริง ๆ หนูรู้สึกว่าเพลงมีความป๊อป มีแจ๊สนิดนึงแล้วก็ R&B นิดหน่อย เป็นป๊อปผสมหลาย ๆ อย่าง แล้วก็หนูรู้สึกว่าเพลงมันจะออกแนวฟีลกู๊ด สีเขียวอะไรอย่างนี้ ฟังแล้วมันจะมีเมโลดี้ที่แบบว่าทำให้แบบฟีลกู๊ด หนูรู้สึกว่าหลากหลาย ค่ะ ประมาณวัยรุ่นค่ะ”

แล้ว ซิงเกิลตั้งแต่ซิงเกิลแรกจนถึงตอนนี้เรารู้สึกมีความกดดันไหม?

“รู้สึกว่าความกดดันน้อยลง เพราะเหมือนซิงเกิลแรกมันคือครั้งแรกค่ะ แล้วไม่รู้ว่าเราทำอะไร มันจะเป็นอะไร แล้วไม่รู้เลย ส่วนตะเกียงวิเศษเป็นซิลเกิลแรกแล้วมันก็เปรี้ยงดังขึ้นมา ก็เลยกดดันมากเป็นพิเศษแล้วก็มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามา พอตอนนี้ก็เลยชิลขึ้นค่ะ เหมือนเราได้เรียนรู้ไปเรื่อย ๆ ก็เลยไม่กดดันขนาดนั้น”

ความในใจตอนนั้นคืออะไร?

“หนูรู้สึกว่าหนูเข้าใจว่าแบบมันยากค่ะ เพราะว่ามันมีขึ้นมีลงเป็นเรื่องปกติ มีเว้นช่วงด้วย หนูก็เลยรู้สึกว่าโอเค ทำมาแล้วมีคนชอบ แฟนคลับชอบ มีกระแสหนูก็พอใจแล้วค่ะ”

แล้วในเพลงนี้มีความเป็นตัวเองมากแค่ไหน ใส่ความเป็นตัวเองไปมากน้อยแค่ไหน?

“เอาจริง ๆ ตอนแรกหนูฟัง หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นตัวเองขนาดไหน แต่ฟังแล้วก็ดูน่าจะมีความเป็นตัวเอง เพราะ Producer เค้าบอกว่าเขารู้จักหนูดี เธอไม่รู้ตัวหรอกนะ ว่าเธอเป็นอย่างนี้ ๆ นี่ก็เออไม่รู้ตัวจริง ๆ ว่าเออก็ดูมีความเป็นตัวเองอยู่นิดหน่อย ไม่นิดหรอก แต่ว่าแบบอะไรอย่างนี้ ก็บอกว่าใช่เธอเป็นอย่างนี้ตรงมาก นี่ก็แบบก็ตรงเพราะตอนแรกก็งงว่าเราเป็นแบบนี้เหรอ(หัวเราะ”

ในส่วนMV เล่าเรื่องยังไง?

“คอนเซปต์ MV หรือว่าอะไรคราวนี้มันเกี่ยวกับ Bucket List ซึ่งเราก็ต้องมีเป้าหมายในชีวิตใช่ไหมคะ แบบปีนึงเราจะทำอะไรเราก็เช็ค ๆ ซึ่งอันนี้มันคือแบบเป้าหมายแบบ Ohmygod ตื่นเช้า Ohmygod เช้าแล้วเช็ค แบบ Ohmygod เล่นคอนเสิร์ต เช็ค อะไรแบบนี้ ทำให้เสร็จฟีล ๆ นั้น แต่ว่าใน MV ก็จะมีความโก๊ะ ๆ กวน ๆ ตามภาษาเราแหละส่วนซีนที่ชอบ หนูชอบที่แบบพิมพ์คอมพิวเตอร์ เพราะว่ามันยากสุดค่ะ เพราะว่าแบบจ่อหน้า ตอนนั้นพี่เค้าเอาน้ำที่มันเป็นชาหวาน ๆ ให้หนู มันก็เป็นขวดแบบนี้ใช่ไหมคะ มันเย็นใช่ไหมคะ เพราะตอนแรกมันเย็น มันมาจากร้าน แล้วแบบถ่ายแปปนึงคือมันไม่เย็นแล้ว ร้อนเลยยังไม่ทันได้กินเลยด้วยซ้ำ มันมีหลายช็อตค่ะ

กระแสตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง?

“จริงๆหนูเห็นว่าคนชอบเยอะ ตอนนั้นคนแชร์เยอะมาก เยอะกว่าที่หนูคิดมากๆ แล้วหนูเห็นว่ามีคนเล่นใน Tiktok เยอะมาก หนูก็เลยแบบ Oh my god มีคนชอบ(หัวเราะ)”

แล้วจากซิงเกิลแรกจนถึงตอนนี้ เรารู้สึกว่าการพัฒนาของเราในแต่ละก้าวเพิ่มขึ้นมากแค่ไหน?

“หนูรู้สึกว่ามันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามแต่ละซิงเกิล เพราะเราก็คอยฝึกฝน คอยหาว่าอะไรที่มันแบบที่มันดี หนูรู้สึกว่าเราก็พัฒนาขึ้น เพราะเราอัดเสียงเวลาคือลดน้อยลงไปมาก จากเยอะ ๆ อันนี้คือน้อยลงมากเลย รู้สึกว่าเราก็พัฒนาขึ้นเหมือนกันนะ แล้วหนูก็รู้สึกว่าอยากที่จะเก่งขึ้นทุก ๆ เพลงที่ทำ”

แล้วในอนาคตแนวเพลงแนวไหนที่มินนี่อยากทำบ้าง?

“อยากทำเพลงช้า ช้าแบบป๊อปแบบซึ้ง ๆ แล้วก็หนูอยากร้องเพลงร่วมกับคนอื่นด้วยค่ะ”

ฝากผลงานสักหน่อย?

“ก็ขอฝากทุกคนช่วยฟังเพลงหนูกันด้วยนะคะ หนูตั้งใจทำมากๆ ฝากเชียร์ด้วยนะคะ”

ยิ่งได้พูดคุยกับมินนี่ ก็ยิ่งรับรู้ได้ถึงพรสวรรค์และพรแสวงในการทำงานของสาวน้อยคนนี้ที่บอกเลยว่าในอนาคต เธอต้องเป็นนักร้องที่ดังมากๆและแฟนๆชอบทุกเพลงแน่นอนจ้า


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”