@ถนนการเมืองในภาพใหญ่ของประเทศไทย ยังไม่มีอะไรที่”เปลี่ยนแปลง”ไปในทิศทางที่มี”ความหวัง” และ”อนาคต”  กับประเทศชาติ และ ประชาชน เส้นทาง”การเมือง”ของการเป็น”นายกรัฐมนตรี” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” ยังเต็มไปด้วยความ”ขรุขระ” ไม่มีอะไรที่”ราบรื่น” โดยเฉพาะปัญหา”ทางเศรษฐกิจ” ปัญหา”ปากท้อง” ของ”ประชาชน” วันนี้จึงเกิด”ปรากฏการณ์ ที่”จนทั้งแผ่นดิน” และสินค้าอุปโภคบริโภคที่”แพงทั้งแผ่นดิน”  ก็เห็นใจนะกับ”เศรษฐา ทวีสิน” ที่”เดินสาย” ในการ”ขับเคลื่อน” เรื่องของ”เศรษฐกิจ” แบบไม่มี”หยุดพัก” แต่กลับไม่มี”ผลลัพธ์” ที่เป็น”ด้านบวก” เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามที่”คนในพรรคเพื่อไทย” ที่เป็น”พรรคเดียวกัน” ออกมา”วิพากษ์วิจารณ์” ถึงการ”ไร้ผลงาน” ทั้งที่มีการ”เดินสาย” ลงพื้นที่ในทุกภาคของประเทศไทย….การ”เดินสาย” เพื่อพบ”ประชาชน” เป็นเรื่องงาน”การเมือง”  เป็นการสร้าง”ฐานการเมือง” และ”สร้างภาพ”  โดยการให้”ความหวัง” และให้”ยาหอม” กับ”ประชาชน” ในเรื่องของการ”พัฒนา” โดยการ รับปาก ในการ “ขับเคลื่อน”โครงการต่างๆ ลงในพื้นที่  ซึ่งเป็นเรื่อง”นามธรรม” แต่จะเป็น”รูปธรรม” ได้หรือไม่ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และต้องดู”งบประมาณแผ่นดิน” เป็นสำคัญ ซึ่งสุดท้ายอาจจะเป็นได้เพียง”ยาหอม” เพราะ “ภาพใหญ่” ของประเทศไทย ณ วันนี้ คือ”รัฐบาลถังแตก” แม้แต่โครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต” ก็มีการ”ปรับแล้วปรับอีก” และสุดท้ายก็ต้อง”ปรับลดวงเงิน” และ”ปรับลดคน”ที่จะได้รับ”แจกเงิน”  ที่ ต้อง”ผูกพัน”กับ”งบประมาณ”ของปีหน้า หรือปี 68 นี้คือการ”ดิ้นรน” อย่าง”สุดกำลัง” ของ”เพื่อไทย”ที่ แสดงให้เห็นถึง “อุปสรรค” ที่”ประเดประดัง” เข้าใส่”รัฐบาล” จนเกินกว่าที่จะ”รับมือ” กับปัญหา”เศรษฐกิจ” ที่”ตกต่ำ” และยังไร้”หนทาง” ในการแก้ไข …..

@ก่อนเลือกตั้ง”พรรคเพื่อไทย”  และ”เศรษฐา ทวีสิน” คือ”ความหวัง” ของ”ประชาชน” ที่”คาดหวัง”ว่าหลัง”เลือกตั้ง” ประเทศไทยที่นำโดย”เพื่อไทย” จะต้อง”ดีกว่า” และ”เก่งกว่า” รัฐบาลของ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ถูกมองว่าไม่รู้เรื่อง”เศรษฐกิจ” แต่หลังการเป็น”รัฐบาล” ผ่านมาถึง 10 เดือน คนทั้งประเทศก็”สิ้นหวัง” กับ”เพื่อไทย” และ”เศรษฐา ทวีสิน” ผู้ที่ประสบความสำเร็จในเรื่อง”ธุรกิจ” ที่เป็น”กูรู” ทางด้าน”เศรษฐกิจ” ก่อนที่จะเข้าสู่”ถนนการเมือง” แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่”ประชาชนคาดหวัง” ในตัวของ”เสี่ยนิด” ที่เป็น”นายกรัฐมนตรี” และ”เพื่อไทย” ก็ไม่ได้”เก่งกาจ” ในเรื่องของ”เศรษฐกิจ” เหมือนอย่างในอดีต ที่”ทักษิณ ชินวัตร” เคย”สร้างชื่อ”เป็น”นายกรัฐมนตรี” ในนามของ”พรรคไทยรักไทย” และหลังจากที่”ทักษิณ ชินวัตร” เดินทางกลับประเทศไทยคนส่วนใหญ่ก็มี”ความหวัง” ขึ้นอีกครั้งว่า “ทักษิณ” จะกลับมาทำหน้าที่ “สั่งการ” ให้พรรคเพื่อไทย แก้ปัญหา”เศรษฐกิจ”ปัญหา”ปากท้อง” เพื่อให้เป็นไปตามที่”เศรษฐา ทวีสิน” และ”อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร  ได้ตระเวนหาเสียงไว้กับ”ประชาชน” แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างนั้น เพราะ”ทักษิณ ชิวัตร” กลับประเทศไทยแบบ”หลงยุค” จึงยังคงติดอยู่กับ”ความคิดแบบเก่า” เช่นเรื่อง”การเมืองบ้านใหญ่” มองปัญหา”เศรษฐกิจ” แบบไม่”ตอบโจทย์” ของปัญหาและของประเทศ   ทำให้ปัญหาของ”ประเทศไทย” ยังคง”ดำดิ่ง” สู่ “ก้นมหาสมุทร” อย่าง”รวดเร็ว”  จนกำลังหมดทาง”เยียวยา”.โรงงานปิดตัวเพิ่มขึ้น อุตสาหกรรมยานยนต์ ก้าวสู่”วิกฤต” แรงงานตกงานเพิ่มขึ้น  ผู้ประกอบการ”รับไม่ได้” กับการขึ้น”ค่าแรง” วันละ 400 บาท  นักท่องเที่ยว ที่เข้ามาประเทศไทย ไม่เป็นไปตาม”เป้าหมาย” จน”เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีต้อง”ขยายฟรีวีซ่า ถึง 93 ประเทศ เพื่อหวังจะ”ตอบโจทย์การท่องเที่ยว  ทั้งหมดคือ”ระเบิดเวลา” ที่รอให้”รัฐบาล” ทำการ”ถอดสลัก” และหาก”จัดการ”ไม่ได้ผล ปัญหาทุกปัญหาก็พร้อมที่จะ”ระเบิด”…..

@ความหวัง”หนึ่งเดียว” ในการกู้”ศรัทธา” ของ”เพื่อไทย” ให้กับคืนมา คือการ”แจกเงิน” ในโครงการ”ดิจิตัลวอลเล็ต”  ที่”เป็นตาย” อย่างไรก็ต้อง”แจก”ให้ได้  เพราะเป็นความหวัง”หนึ่งเดียว” ที่ “เพื่อไทย” เชื่อว่าจะสามารถ”ฟื้นเศรษฐกิจ” และฟื้น ”ความศรัทธา” ของประชาชนให้กลับคืนมา เป็นความหวังของ”กระสุนนัดสุดท้าย” ที่มีอยู่”ในปืน” ถ้า”กระสุนนัดนี้” ยิง”พลาดเป้า” นั่นหมายถึงการ”จบสิ้น” ในทุกสิ่งทุกอย่าง และเป็นการ”ดับความหวัง” ของประเทศ และประชาชน…..ข่าวว่า หลังได้รับ”เอกสารใบบริสุทธิ์” ในการ”พ้นโทษ” ทักษิณ ชินวัตร มีโปรแกรมในการ”บินไปประเทศจีน” เป็นการเดินทางไป”ต่างประเทศ”ครั้งแรก หลังกลับมา”รับโทษ” ครบ 1 ปี และเลือก”ประเทศจีน” เป็นประเทศแรก ที่ไปเยือน ซึ่งลึกๆ คงจะมีเรื่องการไป”พบปะ” และ”เจรจา”ทาง”การค้า” เพื่อช่วย”เพื่อไทย”ในการ”ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ” เพราะ”ทักษิณ” มี มิตร สหาย ที่เป็น”นักธุรกิจ” อยู่ในประเทศจีน ก็ขอให้”สำเร็จ” เพราะ วันนี้”เศรษฐกิจ”ของ”ประเทศไทย” ใกล้ถึง”ป่าช้า” แล้ว ถ้ายังหาทาง”ฟื้นฟู” ไม่ได้ มีอย่างเดียวคือ”ไม่ฝัง ก็เผา”…..

@เรื่องของ”ไฟใต้” สัญญาณอันตราย เมื่อ”แกนนำ” ใน”รัฐกลันตัน” ประเทศมาเลเซีย”ไฟเขียว” ให้ “กลุ่มก่อการร้าย” ในพื้นที่ “ก่อเหตุ” ได้ตามความต้องการ “สถานการณ์” ของ”ไฟใต้” จึงกลับมาสู่”โหมดความรุนแรง” อีกครั้ง “กองกำลังติดอาวุธ” แต่ละ จังหวัด มีการกำหนด”เป้าหมาย” ในการ”ก่อการร้าย”ด้วยตนเอง จึงอย่า”แปลกใจ” ที่ “ระเบิดแสวงเครื่อง” และการ”โจมตี” เจ้าหน้าที่รัฐ และ”ผู้นำท้องที่” จะเกิดขึ้นอย่าง”ถี่ยิบ” และไม่เลือก”เป้าหมาย” ดังนั้นจึงมี”ระเบิดแสวงเครื่อง” ในพื้นที่”สาธารณะ” จึงเกิดขึ้นอีกครั้งหลังจาก”ห่างหาย”ไปนาน และเรื่อง”ปล้นปืนชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน” ( ชรบ.) ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง และ”ปฏิบัติการ” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็เป็นการ”ประกาศศักดา” ด้วยการ”แสดงตน”อย่าง”เปิดเผย” แถมยัง”เล่นกับ”กล้องวงจรปิด” อย่างไม่กลัวการ”ติดคุกติดตะราง” หลังจากนี้ไป เชื่อว่า สถานการณ์ความรุนแรง ยัง”เดินหน้า”ต่อไป โดยเฉพาะก่อนที่”เศรษฐา ทวีสิน” จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อ”พบปะ”กับ”อันวาร์ อิบราฮิบ” นายกรัฐมนตรีประเทศมาเลเซีย ซึ่งกำหนดเป็นวันที่ 3 สิงหาคม 2567,,,,,

@วันนี้พื้นที่ อ.โคกโพธิ์ และ”หนองจิก” จ.ปัตตานี กำลังเป็น”พื้นที่อันตราย” เพราะ”บีอาร์เอ็น” มี”เป้าหมาย” ในการ”ก่อการร้าย” เพื่อแสดงถึง”ศักยภาพ” เพื่อ”ข่มขวัญ” คนในพื้นที่  สังเกตหรือไม่ว่า หลังจากที่”อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ “เสนาบดี” กระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความ”เข้มแข็ง” ให้กับ “ชุดคุ้มครองหมู่บ้าน” หรือ”ชคต.” ซึ่งเป็นกำลังของ”กองอาสารักษาดินแดน” และมีแผนในการที่จะให้ “ฝ่ายปกครอง” และ”กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน “ มี “บทบาท” ในการเป็น”อาสารักษาดินแดน” เพื่อทำหน้าที่”ป้องกัน”และ”ปราบปราม” เหมือนในอดีต หลังจากนั้น” กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็หัน”ปากกระบอกปืน” เข้า”เล่นงาน” ผู้นำ”ท้องที่” มี”ผู้ใหญ่บ้าน” และ” ผุ้ช่วย” ตกเป็น”เหยื่อ” คมกระสุนไปแล้วหลายราย  นี่คือการ”ข่มขู่”และ”ข่มขวัญ” เพื่อมิให้”ผู้นำท้องที่” ร่วมมือกับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ในการ”ดับไฟใต้” เพราะ”บีอาร์เอ็น” ทราบดีถึง”จุดแข็ง” ของผู้นำท้องที่ ซึ่งหาก”ร่วมมือ” กับ”ตำรวจ,ทหาร” เมื่อไหร่ จะเป็น”ภัยอันราย” กับ”แนวร่วม” ของ”บีอาร์เอ็น” ที่”แฝงตัว” อยู่ใน”หมู่บ้าน” ก็ต้องถามว่า “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 และ “ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะ”แก้เกม” ของ”บีอาร์เอ็น” อย่างไร…..

@หลังจากมีการ”ปล้นปืน” ที่เป็น”ปืนหลวง” ที่ไว้ให้กับ”ชรบ. ไว้ป้องกันหมู่บ้าน เกิดขึ้นใน 3 อำเภอของ จ.ยะลา ได้ปืนไป 7 กระบอก และจนถึงป่านนี้ “ตำรวจ” ยังไม่ได้”ออกหมายจับ” คนร้าย ซึ่งในแต่ละจุดที่เข้าไป”ปล้นปืน” มีการ”ยกโขยง” ไป แสดง”ศักดาโจร” จุดละ  8 -10 คน และ จุด”ปล้นปืน” ที่ ต.ลำใหม่ อ.เมือง ยะลา มีการ”ยกโขยง”ไปถึง 17 คน ถ้าไม่เรียกว่า”หยามน้ำหน้า” ของ “กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกอะไร รวมทั้งการ”ปล้นปืน” ครั้งนี้มี”คนใน” ที่”สมรู้ร่วมคิด” กับ”แนวร่วม” หรือไม่ เจ้าหน้าที่ยังไม่มี”คำตอบ….. และที่ต้องถามต่อไปคือ เมื่อการ”ปล้นปืน” ของ”ชรบ. ทำกันง่ายๆแบบ”ปอกกล้วยเข้าปาก” อย่างที่เกิดขึ้น  นายอำเภอแต่ละอำเภอ รวมทั้ง “ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” จะมีการ”แก้ไข” หรือ”รับมือ” กับ” กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” อย่างไร  ทุกหมู่บ้านต่างมี “ชรบ. และทุก”ชรบ. ก็เป็น ชาวบ้าน ที่ไม่ได้รับการฝึกฝนการใช้”อาวุธ”และ”ยุทธวิธี” ในการ “ป้องกัน” และ”ต่อสู้” กับ”กองกำลังติดอาวุธ” หน้าที่คือ การเข้า”เวร-ยาม” ดูแล โรงเรียน เพื่ออย่าให้ใครเข้ามา “ก่อการร้าย” เท่านั้น และถ้า “กองกำลังติดอาวุธ”ของ”บีอาร์เอ็น” ต้องการที่จะ”ปล้นชิง” อาวุธปืนของ”ชรบ. รับรอง”เกลี้ยงฉาด” หมดทั้ง อำเภอ ก็ต้องถามไปยัง “ผู้ว่าราชการจังหวัด” ทั้ง 4 จังหวัด และ นายอำเภอทั้ง 4  อำเภอของ จังหวัดสงขลาว่า ท่านได้”เตรียมการ” ป้องกันการ”ปล้นปืน ชรบ.”อย่างไร หรือต้อง”ขอปืนคืน” เพื่อป้องกัน”ปืนไปอยู่ในมือโจร” ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคือ”บีอาร์เอ็น” ต้องการ”ทำลาย”กองกำลังภาคประชาชน” เพื่อสร้างความ”โดดเดี่ยว” ให้กับ”ทหาร,ตำรวจ” ในการ”ต่อสู้”กับ”บีอาร์เอ็น” และคำถามสุดท้ายคือ ถ้ายังต้องให้ “ชรบ.” ทำหน้าที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน” ฝ่ายปกครองจะแก้ปัญหาการ”ปล้นปืน” อย่างไร  เพราะหาก”ปล่อย”แบบ”เลยตามเลย” ปืนในมือของ”ชรบ. “ ทั้งหมด ก็จะกลายเป็นปืนของ”บีอาร์เอ็น” หมดแน่…..

@ที่ ชายแดน อ.ตากใบ และ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ยังคงเป็น”สวรรค์วิมาน” ของ กลุ่ม”ขบวนการของเถื่อน” เช่น” วัวเถื่อน” ถูก”จูงข้าม”แม่น้ำ สุไหงโก-ลก”  โดยเป็นการ”ลักลอบส่งออก” โดยไม่ต้องมีการแจ้งการ”เคลื่อนย้าย” และไม่ต้องมีการ”กักกัน” เพื่อ”ตรวจโรค” ส่วนในพื้นที่ อ.ตากใบ มีการส่ง”เนื้อหมูเถื่อน” ที่ ลำเลียงโดย”รถห้องเย็น” จาก” จ.ราชบุรี และ นครปฐม” นำข้าม”แม่น้ำสุไหงโก-ลก” ไปยังประเทศมาเลเซีย แถมยังมีการ”ส่งออก”เนื้อไก่ แบบ”เถื่อนๆ” จาก อ.สุไหงโก-ลก” ข้ามไปยัง”ฝั่งมาเลเซีย” วันนี้ ชายแดน อ.สุไหงโก-ลก และ ตากใบ จ.นราธิวาส คือพื้นที่ของ”ขบวนการนอกกฎหมาย” เป็นเรื่อง”ประหลาด” ที่”ชาวบ้านชาวช่อง” รู้ไปทั่วว่าเป็นของ”นายทุน” กลุ่มไหน  และที่”ไม่รู้ไม่เห็น” อะไรเลย คือ” เจ้าหน้าที่รัฐ” ทุกหน่วยที่”ปฏิบัติการ” ในแนวชายแดน   ก็ฝากให้ “ว่าที่ ร.ต.ตระกูล โทธรรม “ ผวจ. นราธิวาส ส่ง”สายลับ”ไป”ตรวจสอบ”ด้วย……

@น้ำมันเถื่อน “เชื้อชั่วที่ไม่เคยตาย” ไปจาก อ.สะเดา จ.สงขลา  หลังจากที่”รัฐบาลมาเลเซีย” ประกาศขึ้นราคา”น้ำมันดีเซล” จากลิตรละ 16 บาท เป็นลิตรละ 26 บาท ขบวนการ “ลักลอบ”นำเข้า”น้ำมันเถื่อน” จาก”ประเทศมาเลเซีย” ผ่านทาง”ด่านพรมแดน” อ.สะเดา และด่านพรมแดน ต.ปาดังเบซาร์  ก็หันมา”นำเข้า” น้ำมัน”เบนซิน “ อย่าง”เป็นล่ำเป็นสัน” ด้วยรถ”บรรทุก 18 ล้อ “และ “รถกระบะตู้ทึบ” มีการใช้ “เส้นทางถนนชนบท และ ถนน”คอนกรีต” ที่สร้างโดยงบประมาณของ”อบต. ใน ต.ปริก อ.สะเดา จ.สงขลา คืนละหลาย”คาราวาน” จน”ถนนพัง” เพราะ”รับน้ำหนัก” ไม่ไหว ชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนใน หมู่ที่  2-3 ต.ปริก ร้องเรียนมา หน่วยไหน ที่มีหน้าที่ในการ”รับผิดชอบ” เร่งไป”ตรวจสอบ” ด้วย…..

@เรื่องของ”โคบาลแดนใต้” ที่เป็นโครงการ “ส่งเสริม” ให้”คนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้”เลี้ยงโค” ซึ่งเป็นโครงการที่”ผลักดัน” โดย “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต.) และดำเนินการ”กรมปศุสัตว์” ส่วน”แหล่งเงินกู้” จาก” ธกส.” โครงการนี้ “หยุดนิ่ง” ไปพักหนึ่ง เพราะมีการ”ร้องเรียน” เรื่อง”โคไม่ตรงปก” มีการ “ตรวจสอบ” จากหลายฝ่าย รวมทั้ง ปปช. ด้วย แต่ สุดท้าย ก็ตรวจไม่พบว่ามีการ”ทุจริต” แต่มีปัญหาที่มาจาก “ผู้เลี้ยง” เป็นส่วนใหญ่ วันนี้โครงการนี้”เดินต่อ” โดย”กรมปศุสัตว์” แต่เป็นการ”เดินหน้า” ที่มีปัญหาเกิดขึ้น โดยปล่อยให้”ประชาชน” ที่อยู่ในโครงการ นำเงินกู้ไปซื้อ วัว หรือ โค กันเอง  ซึ่งก็แน่นอนที่มี “พ่อค้า” นำ “วัวหรือ โค” มา ขายให้ “ผู้เลี้ยง” ในราคาถูก และ”ผู้เลี้ยง” ก็ “ดีอกดีใจ” ที่ได้”ของถูก” กว่า “โค หรือ วัว” ของ”บริษัทที่เป็นผู้”ร่วมโครงการ” โดยไม่ได้มี”ความรู้” ว่า”ของถูก” เป็นของที่”ไม่ตรงปก” ไม่ใช่โคหรือวัวในโครงการที่มีการทำ”ทีโออาร์” เอาไว้กับ”กรมปศุสัตว์”  และ”ปศุสัตว์” ในพื้นที่ ก็ไม่ได้สนใจ เพราะไม่ต้องการ”ขัดแย้ง” และ”ขัดใจ” กับ”ชาวบ้าน”  และถ้าเป็นแบบนี้”ปลายทาง” ของโครงการ”โคบาลแดนใต้” ก็จะกลายเป็นว่า”ชาวบ้าน” เป็นผู้”รับเคราะห์” โครงการ”โคบาลแดนใต้” ไม่ได้ช่วยให้ชาวบ้าน “ลืมตาอ้าปาก” หรือหลุดพ้นจาก”ความยากจน” เรื่องนี้ “ร.อ .ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วย”ไขลาน” ปศุสัตว์จังหวัด ให้”ตรวจสอบ” วัว หรือ โค ที่มี “พ่อค้า” ขายในราคาถูก ให้กับ”ชาวบ้าน” ว่าเป็นไปตาม “เงื่อนไข” ของโครงการ “โคล้านตัว” หรือ”โคบาลแดนใต้” หรือไม่…..

@เรือนำเที่ยว ไม่มี”ชูชีพ” ให้กับ”นักท่องเที่ยว” ยังเป็นข่าวบ่อยๆ ล่าสุดเรือ”สปีดโบ๊ต” ที่พานักท่องเที่ยวไป”เกาะพีพี” จ.กระบี่” ที่”ล่มกลางทะเล” ปล่อยให้ “นักท่องเที่ยว” เกาะหัวเรือรอความตาย  เพราะไม่มีใคร”ใส่เสื้อชูชีพ” ก็ปรากฏเป็นข่าวเพื่อ”ประจานความชุ่ย” ของ “เจ้าหน้าที่” ผู้ เกี่ยวข้อง ที่”หละหลวม” ไม่มีการ”ตรวจตรา” โชคดีที่มีเรือลำอื่น อยู่ ใกล้ๆ จึง”ช่วยชีวิต” ของ กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนได้ทัน ก่อนที่จะเป็นเกิด”โศกนาฏกรรม” กลางทะเล ให้เป็นเรื่อง”ฉาวโฉ่” และ ทำลายการท่องเที่ยวให้”ย่อยยับ” อีกครั้ง เรื่องนี้ “ผู้ว่าราชการจังหวัด “ และ” ผู้บังคับการตำรวจภูธร” รวมทั้ง”ตำรวจท่องเที่ยว” ต้องร่วมกัน”รับผิดชอบ” และ” หาทาง”แก้ไข” ไม่ใช่ เกิดขึ้นแล้ว ปล่อยเลย โดยไม่”เอาผิด” กับ “เจ้าของเรือ” และเจ้าของ”กิจการท่องเที่ยว.….เช่นเดียวกับที่ “เกาะพะงัน” จ.สุราษฏร์ธานี ที่ “ตำรวจท่องเที่ยว” จับกุม”ชาวเมียนมา” ซึ่งถือใบอนุญาตการทำงานที่เป็น”ของปลอม” หลังการจับกุม “สอบสวนทวนความ”แล้ว พบว่า มี”บริษัทแห่งหนึ่ง” เป็นผู้”ขายเอกสารปลอม” ให้กับ”ชาวเมียนมา” เพื่อใช้เป็นหลักฐาน ในการ”ทำงาน” บนเกาะพะงัน “ ก็หวังว่า คดีนี้ไม่จบแค่ “เอาผิด” กับ”ชาวเมียนมา” แต่ต้อง”เอาผิด”กับ”บริษัท” ที่เป็นผู้ ทำ”เอกสารปลอม” เพื่อขายให้กับ”แรงงานต่างชาติ” ด้วย…..

@วันที่ 18-19  กรกฎาคม ที่ผ่านมา มีการ ประชุมของ”คณะพูดคุยสันติสุข” ที่จัดโดย สภาความมั่นคงแห่งชาติ “ หรือ” สมช.” มีหน่วยงาน”การข่าว” มี”ตัวแทนกระทรวงต่างประเทศ” และ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ที่มี “พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4/ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4  และ” พล.ต.ไพศาล หนูสังข์” รองแม่ทัพภาคที่ 4 เข้าร่วมประชุม เพื่อ”ถกแถลง” ในการ”หาทางออก” เพื่อ”ขับเคลื่อน” เวทีการ”พูดคุยสันติสุข” หลังจากที่ “รัฐบาลมาเลเซีย” ได้มีการเปลี่ยนตัว”ผู้อำนวยความสะดวก” ในการ”ขับเคลื่อนเวทีการพูดคุย” เป็น”ดาโต๊ะ มูด ราบิน” อดีต”คีย์แมน” ฝ่ายความมั่นคง  เท่าที่ได้ฟังมา ปรากฏว่า บางคน ใน “สภาความมั่นคงแห่งชาติ พยายาม “โน้มน้าว” ให้การ”พูดคุย” เป็นไปตามที่ องค์กรต่างประเทศ จาก”ชาติตะวันตก” ต้องการ ด้วยการเปิดรับทั้ง “เจนีวาคอลล์” และ”ไอซีอาร์ซี” ให้เข้ามามี”ส่วนร่วม” ในการ”พูดคุย” และการ”ดับไฟใต้” ในพื้นที่ ประเด็นนี้คือ กำลัง”ชักศึกเข้าบ้าน” โดยการ”คล้อยตาม” นักวิชาการที่มี”ดีกรีเป็นดอกเตอร์” และ อดีตนายทหารที่”เกษียณอายุ” และไปเป็นที่”ปรึกษา” ทำหน้าที่”ลอบบี้ยิสต์” ให้ หน่วยงานความมั่นคง เห็นชอบ กับ การเข้ามาของ”ชาติตะวันตก” ถามว่าเงินเดือนในที่ปรึกษา”200,000 บาท”  คุ้มค่าไหมกับการที่ทำให้ประเทศไทย”เสี่ยง”ต่อการ”เสียดินแดน” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้…..

@หลังจากที่”สมนึก พรหมเขียว” ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา”ออกโรง” ร่วมกับ “พล.ต.ต. เชาวลิต เลี้ยงสุพงษ์ “ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สงขลา เรียกประชุม นายอำเภอ และ ผู้กำกับ ใน 4 อำเภอของ”ลุ่มน้ำทะเลสาบ” เพื่อแก้ปัญหา “ขะโมยขะโจร” ที่มีอย่าง”ชุกชุม” ทำการ”ลักขโมย” พืชผลทางการเกษตร “ผลปาล์ม, มะพร้าวน้ำหอม” และ อื่นๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับ”เกษตรกร” เป็นอย่างมาก วันนี้ ตำรวจ ในหลายพื้นที่ เริ่ม”จับกุม” หัวขโมย ได้พร้อมกับ”ของกลาง” ได้จำนวนหนึ่ง  นี้อาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่”ปลายเหตุ” เพราะต้นแห่งแห่งการ”ลักทรัพย์” มาจากการ”ติดยาเสพติด” จึงต้อง”ขวนขวาย” ลักขโมย ผลผลิตทางการเกษตรไปขาย เพื่อนำเงินไป”ซื้อยาเสพติด” ดังนั้นการแก้ปัญหาคือการ”จับกุม”พ่อค้ายาและคน”เดินยา” ในหมู่บ้าน ส่วนคน”ติดยา” ก็เร่งนำตัวไป”บำบัด” เพราะนี้คือ”ต้นเหตุ” ของปัญหาทั้งหมด ที่สำคัญ”ตำรวจ” ในทุกพื้นที่รู้ดีว่า”พ่อค้ายา” เป็นใคร และคนที่”เดินยา” เป็นใคร ทำไม่จึงไม่จับ และอีกเรื่องคือการ”จับกุม” พ่อค้า ที่”รับซื้อของโจร” ต้องติดตาม”จับกุม” มารับโทษด้วย เพราะถ้าไม่มีผู้” รับซื้อ” ก็จะไม่มีการ”ขโมย” ประเด็นนี้”พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงษ์ “ ผบก. ภ.จว.สงขลา ต้อง”สั่งการ” ให้ ตำรวจ ทุกพื้นที่”ขุดรากถอนโคน”…..

@เรื่องของ”ปลาหมอคางดำ” กลายเป็นปัญหา”ระดับชาติ” ไปแล้ว ที่ภาคใต้มี 2 จังหวัด ที่เป็นแหล่ง”ระบาด”และ”แพร่พันธุ์” คือที่ จ.สงขลา และ นครศรีธรรมราช  ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว  และในการแก้ปัญหาก็ต้อง”รวดเร็ว” ทั้งใช้วิธีการ”จับตาย” หรือจะใช้วิธีการ”ถูกกิน” โดยการปล่อยพันธุ์ปลากะพง เพื่อ”จัดการ”กับ”ปลาหมอคางดำ” ก็แล้วแต่  เพราะช้าเท่าไหร่ ผู้มีอาชีพ”เลี้ยงกุ้ง เลี้ยงปลา” จะต้อง”หมดตัว”  เรื่องนี้ “ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เสนาบดีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้อง”ไล่ล่า” ให้ถึง”ตัวการ” ที่ นำเข้า “ปลาหมอเพชฌฆาต” มาสร้างความ”หายนะ” ให้กับ ประชาชน ผู้เป็น”ต้นเหตุ” ต้องจ่ายค่าเสียหายที่เกิดขึ้น…..

@เรื่องของ”การเมือง” การ เลือกตั้งใน”องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หรือ” อบจ.” ที่จะมีการเลือกตั้งในต้นปี 2567  วันนี้หลายจังหวัดเริ่มได้ยิน”เสียงปี่กลอง” ทางการเมืองดังแล้ว อย่างที่ จังหวัดสงขลา ชาวบ้าน”ถามไถ่กันให้แซด” ว่า มีผู้สมัครกี่คน และจะมีคนของ”ก้าวไกล” ลง”ชิงชัย” ตำแหน่ง “นายก อบจ. “หรือไม่  ก็ “สืบเสาะ” จาก”พรายกระซิบ” ว่าในการ เลือกตั้งครั้งใหม่  คนสงขลา จะได้ “นายก อบจ.” คนใหม่ที่ชื่อ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” อธิบดีกรมฝนหลวงฯ เพราะมีข่าวว่า”ไพเจน มากสุวรรณ” นายก อบจ.คน ปัจจุบัน จะ”ไม่ไปต่อ” โดยจะพอแค่สมัยเดียว ส่วน”ก้าวไกล” มีความต้องการ”นายกเทศบาล” มากกว่า “นายก อบจ.” และต่อจากเลือกตั้ง”องค์กรบริหารจังหวัด” ก็จะเป็นการเลือก”ระดับเทศบาล” ซึ่งหลายเทศบาลมีการ”แข่งดุ” และมีผู้ที่”พิสมัย” ตำแหน่ง”นายกเทศบาล” หลายคน ดังนั้นปี 2568 จึงเป็นปี”เงินปีทอง” เพราะการ”เลือกตั้งท้องถิ่น” บางพื้นที่ใช้เงินมากกว่าการเลือกตั้ง สส. ด้วยซ้ำ ….. 

@ถามดังๆจาก “เจือ  ราชสีห์ “ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ว่า “คนสงขลาจะเอาแบบไหน”เรื่อง โรงพยาบาลสงขลา ที่จะยกระดับให้เป็นโรงพยาบาลอำเภอเมือง หรือจะเป็น แบบไหน ก็ได้ แต่ต้องให้ประโยชน์กับ “ประชาชน” ให้มากที่สุด เรื่องนี้”คาราคาซัง” มานานมากแล้ว จบได้จะเป็นการดีที่สุด …..

@หลังจากที่ สภาผู้แทนราษฎร ลงมติ ให้ ยกเลิก “กฎหมาย”ของ”คสช.” ที่”บังคับใช้” กับ”ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” ( ศอ.บต.) แล้ว วันนี้ “ศอ.บต. ก็ไม่ต้องขึ้นกับ” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าอีกต่อไป และ ศอ.บต. จะมี”สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” กลับคืนมา มีการใช้”พรบ.ศอ.บต.” แบบเต็มฉบับ ก็ต้องติดตามดู “ฝีมือ” ในการบริหาร ศอ.บต. จาก” “ปลัดบิลลี่” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์”  เลขาธิการ ศอ.บต. ว่าจะมี”ยุทธศาสตร์” ในการ”พัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้” อย่างไร เรื่องนี้ประชาชนใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้โปรดติดตาม…..

@ปัญหาของ”คนเถื่อน” ทั้งจาก”เมียนมา” และ” สปป.ลาว” รวมทั้ง”โรฮิงยา” จาก รัฐยะไข่ ยังกลายเป็น ปัญหาใหญ่มากๆ สำหรับประเทศไทย และ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เช่น สงขลา และ นราธิวาส คือ”ทางผ่าน” และเป็นสถานที่”หลบซ่อน” ของ ขบวนการ”คนเถื่อน”  ที่จับได้จับไป จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะ ยังมี”เจ้าหน้าที่บางคน” รู้เห็นเป็นใจ” โดยพบว่า “รีสอร์ท” ที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ที่กลายเป็นที่”พังพิง” ของ”คนเถื่อน”เพื่อรอ”ไฟเขียว” จาก”เจ้าหน้าที่ ฝั่งมาเลเซีย  ถ้า “พล.ต.ต. ทรงโปรด สุขศิริ” ผบก. ตม. 6 ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่ภาคใต้ อยากรู้ข้อเท็จจริง ลงไปดูได้ว่า”รีสอร์ท” ใน อำเภอชายแดนไทย-มาเลเซีย เขาสร้างให้ใครพัก “นักท่องเที่ยว” หรือ”คนเถื่อน” ,,,,,,

@วันก่อน ได้ฟัง”นายพล”จาก “กองบัญชาการสอบสวนกลาง” ผู้รับผิดชอบ คดี”เสี่ยโจ้” น้ำมันเถื่อน ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ว่าจะออก”หมายจับเสี่ยโจ้” และ”พวก” ที่อยู่ใน”ประเทศไทย” แต่รอจนถึงวันนี้ ยังไม่เห็นว่า ความคืบหน้าของการ”ออกหมายจับ” ทั้ง”เสี่ยโจ้” และ”ผู้เกี่ยวข้อง” แต่อย่างใด ก็หวังว่า คดีของ”เสี่ยโจ้” นอกจาก”ตำรวจ” ที่ถูก”โยกย้าย” และตั้งกรรมการสอบเพื่อ”เอาผิด”ทาง”วินัย” แล้ว  ต้องมี”คนผิด” ที่เป็น”ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน” เป็น”จำเลย” ด้วย อย่าให้”คดีเสี่ยโจ้” หายไปกับ”สายลมแสงแดด” เหมือกับ”หลายเรื่องหลายคดี”ที่เกิดขึ้น…..

@เสียงบ่นจาก “ผู้ประกอบการ” ต.พังลา อ.สะเดา จ.สงขลา ถึงการทำหน้าที่”เอียงข้าง” ฟังความข้างเดียว” ของ” เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุข เทศบาลคลองแงะ อ.สะเดา จ.สงขลา   เรื่องของ ปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ ที่ถูกร้องเรียกจาก”ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน” ว่ามีกลิ่นเหม็น เวลา รถบรรทุกน้ำมันไป”ส่งน้ำมัน” ซึ่งก็รู้อยู่ว่าเป็นการ”กลั่นแกล้ง” จาก”ผู้ค้าน้ำมันเถื่อน” ถ้าจะ”จัดการเรื่องของกลิ่น” กองสาธารณสุข” ต้องเร่ง”จัดการ”กับ”กลิ่นเหม็น” และ”น้ำเสีย” จากโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ด้วย เพราะ”ชาวบ้าน” ร้องเรียนกันมาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่เห็นมีการ”จัดการ” ตามที่ชาวบ้านร้องเรียน เรื่องนี้ “สุวัฒ เลิศจิตต์ธรรม” นายกเทศบาลตำบลคลองแงะ” อย่าลืม สอบสวน หาข้อเท็จจริงในการทำหน้าที่ของกองสาธารณสุขด้วย ว่าตั้งอยู่บน”ข้อเท็จจริง” และความเป็นธรรม หรือไม่    แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

————————————————————–

ไชยยงค์ มณัพิลึก

ทำบุญตักบาตร.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) นำข้าราชการ พุทธศาสนิกชน ร่วมทำบุญตักบาตร โครงการบรรพชา อุปสมบท เฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  ณ สนามหน้าเสาธง ศอ.บต.  อ.เมือง จ.ยะลา

เฉลิมพระเกียรติ.    พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ รองแม่ทัพภาคที่ 4  / รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีพรรพชาอุปสมบท เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2567 ณ วัดนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา

บุญทั่วหน้า.    พระมหารัตนากร ปวโร เจ้าคณะตำบลท่าพญา อ.ปะเหลียน  พระอาจารย์ฉัตตราวุธ  ปิยธมฺโม  เจ้าอาวาสวัดธาตุสุขสำราญ ได้ อ.หาดสำราญ จ.ตรัง นำคณะสามัคคีบุญ ร่วมจัดถวายเทียนพรรษา 9 วัด เป็นปีที่ 2 ถวายเทียนพรรษา และค่าน้ำค่าไฟ 1,500 บาท  กำหนดการไปถวายเทียน 9 วัด ตามลำดับวัด ต่อไปนี้ 1.วัดธาตุสุขสำราญ 2.วัดบ้าหวี 3.วัดปากปรน  4.วัดคลองกันหรา 5.วัดหนองสมาน   6.วัดในเขา 7.วัดหินคอกควาย   8.วัดนาทุ่ง 9.วัดท่าพญา

บรรพชาอุปสมบท.  ณ วัดนิโครธาราม ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง สกุล ดำรงเกียรติกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เปิดโครงการบรรพชาอุปสมบทหมู่ จำนวน 77 รูป เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567  โดยมี พระราชวรากร เจ้าคณะจังหวัดตรัง เป็นพระอุปัชฌาย์

เปิดงาน.  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรียุติธรรม เป็นประธานเปิดงานสัมมนาสินค้าชาวไทย มุ่งสู่การพัฒนาเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้อย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมน้ำพราว โรงแรมซีเอส อ.เมือง จ.ปัตตานี

ตามรอยเสด็จ.   พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผบ.กองพลทหารราบที่ 15 / ผอ.ศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมด้วย คุณสมฤดี ขำเขียว ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขา กองพลทหารราบที่ 15 และคณะ ลงพื้นที่ ตามรอยเสด็จพื้นที่ทรงงาน ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ครั้งเสด็จปฎิบัติพระราชกรณียกิจ ในพื้นที่ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา  ณ อาคารสำนักงานเทศบาลตำบลนาทวี อ.นาทวี จ.สงขลา

ลงพื้นที่.   ป.ป.ช. ตรัง ลงพื้นที่กำกับติดตาม ให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาในระดับพื้นที่จังหวัดตรัง บัณฑิต คณะสุวรรณ์  ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตรัง มอบหมาย  จุฑารัตน์  อิสระธรรมกุล และคเณศ พลเพชร เจ้าหน้าที่กลุ่มงานป้องกันการทุจริต  ลงพื้นที่ดำเนินโครงการพัฒนาหลักสูตร และสร้างความร่วมมือในการขับเคลื่อนหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา  กิจกรรม การกำกับติดตาม ให้คำปรึกษาหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา

กวาดล้าง.  อมร ชุมช่วย นายอำเภอเบตง จ.ยะลา เป็นประธานพิธีปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 15- 21 กรกฎาคม 2567 เพื่อป้องกันการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับ อาวุธปืน ยาเสพติด การพนันออนไลน์ การลักลอบนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมาย และบุคคลตามหมายจับในพื้นที่  โดยมี พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ดูดิง  ผกก.สภ.เบตง ฝ่ายปดครอง ตชด.445 ร่วมกวาดล้าง

ตาดีกาสัมพันธ์.  วันสุกรี  แวมามะ นายอำเภอเมืองปัตตานีเปิดงานตาดีกาสัมพันธ์ ตำบลตะลุโบะ อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี ประจำปี 2567 เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนตาดีกาในเขตพื้นที่อำเภอเมืองปัตตานี มีความพร้อมด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์เป็นเด็กดี  ณ สนามกีฬา หมู่ 3 บ้านอบรอกูวง ต.ตะลุโบะ อ.เมือง จ.ปัตตานี

พัฒนานวัตกรรม.  มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา เป็นประธานกล่าวพบปะ กิจกรรม” Kick off Project สร้างความตระหนักและสร้างการรับรู้ในการช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ด้อยโอกาสทางการศึกษา” โครงการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อพัฒนานวัตกรรมและกลไกภาคีเครือข่ายเพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในพื้นที่ ตำบลกาบัง อำเภอกาบัง พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเครือข่ายการจัดการศึกษาเชิงพื้นที่เพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ณ ที่ว่าการ อ.กาบัง จ.ยะลา

แข่งขันกีฬา.   อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา มอบหมายให้ โอฬาร บิลสัน ปลัดจังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาเซปัคตะกร้อ กำนันมิงคัพ ครั้งที่ 7 เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ได้ออกกำลังกาย และมีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ เพื่อเชื่อมความสมัครสมานสามัคคีในชุมชน หมู่บ้าน ต่อไป ณ สนามที่ทำการกำนัน หมู่ที่ 4 ต.จะกว๊ะ อ.รามัน จ.ยะลา

นายนพพร หนูเพชร นายอำเภอเมืองยะลา เดินทาง ร่วมกิจกรรมในงานมหกรรมรวมพลสมาชิก TO BE NUMBER ONE ประจำปี 2567 และชมบูธนิทรรศการ จากเครือข่ายทั่วประเทศ ณ อาคารอิมแคฟอรั่ม เมืองทองธานี จ.นนทบุรี

แถลงข่าว.   ไพเจน มากสุวรรณ์ นายกอบจ.สงขลา   ร่วมกับ   วิสุทธิ์ ธรรมเพชร นายกสมาพันธ์ อบจ.ภาคใต้  จัดแถลงข่าวในการประชุมสัมมนาวิชาการ อบจ.ทั่วประเทศระหว่าง 24 – 26 ก.ค.นี้ ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติ มอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

แข่งกินกุ้ง.   โยธิน ทองเนื้อแข็ง สจ.เขต อ.กระแสสินธุ์  จัดการแข่งขันกินกุ้งก้ามกราม ในงานของดีอำเภอกระแสสินธุ์ ณ วัดแหลมบ่อท่อ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

ฟื้นฟูประเพณี.   ไพฑูนย์ พรหมวิจิต รองนายก อบต.บ่อแดง ได้นำชาวบ้านใน ต.บ่อดาน บ่อแดงร่วมกันขนทรายเข้าวัดเพื่อฟื้นฟูประเพณีโบราณที่ห่างหายไปนาน ณ วัดใหม่ ต.บ่อดาน อ.สทิงพระ  จ.สงขลา

แสดงความยินดี.   กลุ่มเพื่อนๆ ผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มอบแจกัญดอกไม้ แสดงความยินดีกับ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล นายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย ที่ได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ณ สำนักงานสมาคมหนังสือพิมพ์ฯ ถนนไทยอาคาร อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

บำเพ็ญประโยชน์.    วิสุทธิ์ สิงห์ขจรวรกุล อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานชมรมข้าราชการบำนาญกระทรวงมหาดไทยภาคใต้ และสมาชิกชมรม เลี้ยงอาหารกลางวัน และมอบเงินสนับสนุนกิจกรรมของศูนย์เด็กปัญญาอ่อน อ.รัตภูมิ จ.สงขลา

ประชุมเชิงปฏิบัติการ.   พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการ ศอ.บต. มอบหมายให้ นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต.ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ การักษาความปลอดภัยในชีวิต-ทรัพย์สิน ประชาชน ณ ห้องประชุมสามัคคีตำรวจภูธรยะลาโดยมี พล.ต.ต.เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์ ผบก.ภ.จว.ยะลา เป็นประธานการประชุม

ถวายผ้าอาบน้ำฝนและเทียนพรรษา. นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมว.มหาดไทยและอดีตนายก อบจ.สงขลาร่วมพิธีถวายผ้าอาบน้ำฝนและเทียนพรรษาแก่วัด จำนวน 397 แห่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในกิจกรรมส่งเสริมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา “วันอาสาพหบูชา” และ “วันเข้าพรรษา” ประจำปี 2567 โดยมี พล.ท. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ แม่ทัพน้อยที่ 4 / รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธี และมี พล.อ. มณี จันทร์ทิพย์ เลขาธิการศูนย์พัฒนาและส่งเสริมพระพุทธศาสนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมในพิธี ณ วัดมุจลินทวาปีวิหาร พระอารามหลวง (วัดตุยง) ต.ตุยง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี