“ตาจำลอง” หรือ นายจำลอง วรไวย์ อายุ 73 ปี ผู้พิการขาซ้ายต้องใส่ขาเทียม อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.แก่งเลิงจาน อ.เมือง จ.มหาสารคาม ชาวบ้านที่รู้จักคุ้นเคยต่างให้ฉายา “วณิพก ข้างกำแพงวัด” เพราะเป็นศิลปินดีดพิณขาเดียว ที่เร่ขายเสียงดนตรีไปตามที่ต่างๆ โดยตาจำลองเชื่อว่า เสียงดนตรีจะช่วยบำบัดจิตใจ และการที่ไม่อยู่นิ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น

“ตาจำลอง” เล่าว่า ในอดีตเคยรับราชการในพื้นที่อีสานใต้ ทำงานได้ 24 ปี ก็ต้องขอลาออกมา เพราะความที่สุขภาพร่างกายย่ำแย่ทั้งจากโรคประจำตัวและโรคเบาหวาน จึงตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม

ต่อมาด้วยความที่เป็นโรคเบาหวานแพทย์ จึงจำเป็นต้องตัดขา จากสาเหตุมาที่ตัวเองไปเหยียบเศษแก้ว จนทำให้เกิดบาดแผลที่ปลายนิ้วเท้า ก่อนจะเกิดการอักเสบลุกลาม กระนั้นก็ยังไม่ไปหาหมอเพราะกลัว พอปล่อยนานไปทนไม่ไหวต้องไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าแผลกินเข้าไปลึกเกินเยียวยา ทีแรกหมอทำการผ่าตัดแค่ช่วงข้อเท้า แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น หมอจึงจำเป็นต้องตัดขาทิ้งเพื่อรักษาชีวิตไว้ ช่วงแรกก็ทำใจลำบาก แต่ก็คิดว่า “อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด”

“การตัดขา ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ชีวิตตนเองดีขึ้น และได้เรียนรู้ถึงสัจธรรมชีวิต และการยอมรับถึงการเปลี่ยนแปลง เมื่อตนไม่มีขาก็ต้องปรับตัว ปรับสภาพ ปรับจิตใจให้เข้ากับความเป็นจริง ใช้เวลานานหลายปีอยู่เหมือนกัน กว่าจะกลับคืนมาใช้ชีวิตเป็นปกติแบบนี้ได้ แม้มีขาเพียงข้างเดียวก็ตาม”

“ตาจำลอง” เล่าอีกว่า ตนพยายามช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง และใช้ความสามารถด้านการดีดพิณ ออกเดินสายเปิดหมวกร้องเพลงข้างกำแพงวัด มอบความสุขให้กับผู้ที่ผ่านไปผ่านมา เพราะตนมีใจรักในเสียงดนตรีตั้งแต่เด็ก อีกทั้งอยากจะเป็นกำลังใจให้กับผู้คนที่กำลังท้อแท้ชีวิต ให้ดูตนเป็นตัวอย่าง ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตนจะเล่นดนตรีอยู่ที่วัดวังน้ำเย็น ส่วนวันอื่นๆ ก็จะไปเล่นตามตลาดนัดหรือสถานที่ต่างๆ ที่มีผู้คนแนะนำ

“สำหรับฉายาที่คนเรียก “วณิพก ข้างกำแพงวัด” ตนไม่เคยคิดน้อยใจในโชคชะตา เพราะเราไม่ได้ไปขอทาน แต่เราใช้ความสามารถแลกเงินที่ได้จากผู้ใจบุญ หรือผู้ที่รักในเสียงดนตรี ซึ่งตนก็ได้ประโยชน์ทั้งสุขภาพดีขึ้น และมีเงินมาใช้จ่ายในครอบครัวอีกด้วย”

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : กิริยา กากแก้ว จ.มหาสารคาม
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” ได้ที่นี่..