กินข้าวครั้งล่าสุดกับ พล..มงคล อัมพรพิสิฐฏ์ หรือ “พี่หมง” ของนักข่าว อดีต ผบ.สส. และ ทส. ป๋าเปรม” พล..เปรม ติณสูลานนท์ ไม่พ้นรำลึกความหลัง 8 ปีที่ “ป๋า” บริหารประเทศท่ามกลางมรสุมการเมืองและเศรษฐกิจมากมาย แต่พาประเทศโชติช่วงชัชวาล ทั้งที่พื้นฐาน “ป๋า” คือทหารอาชีพ อยากรู้ หาก .โกร่ง ดร.วีรพงษ์ รางมางกูร นักเศรษฐ ศาสตร์ ที่ปรึกษาคู่ใจ “ป๋า” ที่ต่อมาเป็นทั้งรองนายกฯ ขุนคลังและที่ปรึกษาอีก 7 รัฐบาล ถ้ามีชีวิตอยู่ จะว่าไงใน ศึกนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน กับ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการแบงก์ชาติ ซึ่งขยายวงไปถึง ..แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เห็นความเป็นอิสระของแบงก์ชาติเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ จนล่อกันอุตลุดทั้งฝ่ายหนุนฝ่ายต้าน

กลับมาเปิดหนังสือที่ระลึกงานพระราชทานเพลิงศพ อ.โกร่ง “คนเดินตรอก ฉบับบันทึกความทรงจำ” รวมบทความเรื่องต่าง ๆ ที่ท่านเขียนลง นสพ.มติชน ด้วยภาษาชาวบ้าน นานหลายปี ดูโหรก็แม่นอีก เพราะได้ .เทพย์ สาริกบุตร ปรมาจารย์โหราศาสตร์ เป็นครู สรุป ดร.โกร่งเก่ง เป็น “สัพพัญญู” ก็ไม่ผิด

ในหัวข้อ “คิดถึงอาจารย์ป๋วย” (ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ อดีตผู้ว่าการแบงก์ชาติ โมเดลต้นแบบคนแบงก์ชาติทั้งปวง) ตอนหนึ่ง…มีว่า เรื่องธนาคารแห่งประเทศไทยกับกระทรวงการคลังนั้น ท่านบอกว่า เหมือนสามีกับภรรยา สามีนั้นเป็นตำแหน่งการเมือง บางทีก็มีความจำเป็นทางการเมือง มีพี่ ป้า น้า อา ลูกหลานมากมาย (กระทรวง ทบวง กรม และรัฐวิสาหกิจ)ที่คอยมาขอเงินขอทอง ส่วนภรรยานั้นมีหน้าที่ต้องดูแลฐานะของครอบครัว มีลูกมีหลาน ดูธนาคารพาณิชย์ สถาบันการเงินต่าง ๆ สามีต้องให้เกียรติ เกรงใจ และไว้เนื้อเชื่อใจเรื่องความคิดเห็นของภรรยา ขณะเดียวกันภรรยาก็ต้องเข้าใจความจำกัดและขีดจำกัดของสามี

การถ่วงดุลระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับกระทรวงการคลังต้องปรึกษาหารืออย่างสามีภรรยา เพราะประเทศยากจนด้อยพัฒนาอย่างประเทศไทยนั้น นโยบายการเงินและนโยบายการคลังต้องเกื้อกูลกันสนับสนุนกัน แยกกันไม่ได้ เนื่องจากประชาชนเสียภาษีสูง ๆ ไม่ได้ ธนาคารต้องมีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศด้วย จะดูแต่เสถียรภาพอย่างเดียวไม่พอ ต้องดูควบคู่กันไป

สามีภรรยาจึงหย่ากันไม่ได้ แยกกันอยู่ก็ไม่ได้ จะตบจะตีกัน ก็ตบตีกันอยู่ในมุ้งอย่าให้ญาติพี่น้องลูกเต้าได้ยิน ยิ่งแขกเหรื่อที่ไม่ใช่พี่น้องลูกหลาน (ต่างประเทศ) ยิ่งไม่ควรให้เขาได้ยินได้เห็น หากความเห็นภรรยา สามีไม่ยอมรับ หรือออกนอกลู่นอกทาง ภรรยาห้ามปรามไม่ฟัง ถ้าเป็นเรื่องใหญ่จะเสียหลักการ ฝ่ายภรรยาก็จะไม่ตีโพยตีพาย แต่จะขอลาไปอย่างเงียบ ๆ เพราะท้ายสุดสามีต้องเป็นผู้รับผิดชอบไม่ว่านโยบายนั้นจะเริ่มมาจากใครก็ตาม…ฝืนอยู่ต่อไป ครอบครัวบ้านเมืองจะเสียหาย ไม่ใช่ใครผิดใครถูก

ตอนหลังหลักการนี้ภรรยาไม่ค่อยทำตาม จนมีการปลดผู้ว่าการ“ถ้าอาจารย์ป๋วยยังอยู่และพูดได้ คงต้องขอไปนอนหน้าเตียงท่านสักคืน (เหมือนที่เคยทำ) เพื่อพูดคุยถกเถียงให้สว่างคาตา…” อ.โกร่งเขียน

เนื้อที่เราน้อย สรุปสั้น ๆ ได้แค่นี้ แต่แม้ อ.โกร่ง จะเขียนตั้งแต่ปี 2543 ผ่านมากว่า 20 ปี ก็ยังเข้ายุคสมัย เป็นปัญหาโลกแตก ปรับ ครม. เศรษฐา 1/1 พิชัย ชุณหวชิร ขุนคลังคนใหม่ รับปากจะไปคุยแบงก์ชาติใหม่ การศึกดูสงบชั่วคราว นายกฯเองก็ไม่พร้อมเปิดศึกหลายด้าน แต่ภูเขาไฟไม่ดับง่าย ๆ หรอก

ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ลองลด “อีโก้” ลงบ้าง ดีมั้ย หาบทความ อ.โกร่ง ดร.วีรพงษ์ รามางกูร มาอ่าน เป็นแนวทางไว้บ้าง น่าจะก่อประโยชน์ทั้งส่วนตนและส่วนรวม.

……………………………..
ดาวประกายพรึก

อ่านบทความทั้งหมดที่นี่..