เมื่อเร็วๆนี้ หลายๆคนคงจะเคยเห็นกระแส “เจลซ่อมฟัน” ที่อ้างว่าง่าย รวดเร็ว แถมยังประหยัดทั้งเงินและเวลา โดยไม่ต้องไปพบทัตแพทย์ แต่เคยทราบหรือลองฉุกคิดไหมว่า บนความง่ายของกระแส แต่กลับแฝงอันตรายมากกว่าที่คิด!

วันนี้ “Healthy Clean” จึงขอพาไปพูดคุยกับ ทพญ.วรนันต์ วนานันต์ ทันตแพทย์เฉพาะทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ ศูนย์ทันตกรรม (Dental Center) โรงพยาบาลนวเวช ได้กล่าวว่า การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฟันมีหน้าที่สำคัญในการบดเคี้ยวอาหารส่งต่อไปยังอวัยวะภายในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และในด้านความสวยงามหากมีสุขภาพฟันที่ดีก็จะช่วยเสริมต่อบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลให้ดียิ่งขึ้นได้อีกด้วย ดังนั้นจึงควรหมั่นดูแลสุขภาพฟันให้ดีอยู่เสมอ

สำหรับกระแส “เจลซ่อมฟัน” นั้นต้องบอกก่อนว่า “เจลซ่อมฟันอุดชั่วคราว” นั้น มีลักษณะเป็นเม็ดขาวขุ่น เมื่อผ่านความร้อน หรือน้ำร้อน จะละลายกลายเป็นเจลใส สามารถปั้นแต่งเป็นก้อนได้ อย่างไรก็ตาม วัสดุดังกล่าว ไม่ผ่านการรับรองทางการแพทย์ และไม่ควรนำมาใช้ในช่องปากเป็นอย่างยิ่ง

แล้วใช้เจลซ่อมฟันแล้วจะเกิดโทษอย่างไรและอันตรายร้ายแรงแค่ไหน? จากที่ทางคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้มีการส่งตัวอย่างเม็ดอุดฟันไปตรวจส่วนประกอบ พบว่า มีส่วนผสมของโลหะหนัก ตะกั่ว สังกะสีและสารหนู และที่อุณหภูมิ 60 องศา เช่นหากรับประทานอาหารร้อน จะมีการปลดปล่อยสารโลหะหนักออกมาสู่ร่างกาย ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกาย อาจทำให้เกิด อาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ภูมิแพ้ หอบหืด หายใจติดขัด ท้องเสีย คลื่นไส้

nurse practicing on the layout of the jaw with teeth

“การติดเจลซ่อมฟันในปาก โดยไม่สามารถถอดออกได้ เป็นระยะเวลานานทำให้เหงือกอักเสบ ฟันผุบริเวณฟันข้างเคียง นอกจากนั้นยังมีความเสี่ยงที่ เจลอุดฟันเหล่านี้จะหลุดลงคอ หลอดลม ติดขัดทางเดินหายใจ เป็นอันตรายถึงชีวิตได้”

ทั้งนี้ สำหรับ “การรักษาโรคเกี่ยวกับฟันที่ถูกต้อง” การรักษาโรคในช่องปากและฟันมีได้หลายวิธีขึ้นอยู่อาการของโรค ซึ่งควรต้องพบทันตแพทย์เพื่อได้รับการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง เพื่อการรักษาที่ถูกวิธี ในบางกรณีจำเป็นต้องมีการตรวจเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพรังสี หากทันตแพทย์ประเมินว่า สามารถทำการรักษาโดยการอุดฟัน จะมีการกำจัดฟันส่วนที่ผุ และอุดฟันด้วยวัสดุที่ปลอดภัยสามารถใช้ได้ในช่องปาก ในกรณีที่ฟันไม่สามารถบูรณะได้ ต้องถอนฟันออกไป ก็ควรได้รับการใส่ฟันปลอมทดแทน ที่ทำขึ้นโดยทันตแพทย์

“ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับฟันและช่องปากควรพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย รักษาที่ถูกต้องและปลอดภัย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน” เนื่องจากอาจมีการติดเชื้อ และไม่ควรซื้อวัสดุต่าง ๆ ตามท้องตลาดมารักษาฟันด้วยตัวเองอย่างยิ่ง การดูแลสุขภาพช่องปากด้วยตัวเอง เริ่มต้นที่รักษาความสะอาดในช่องปาก การแปรงฟันที่ถูกวิธีด้วยยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์เป็นประจำทุกวันร่วมกับใช้ไหมขัดฟัน หมั่นพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน -1 ปี เพื่อตรวจเช็คฟัน..

………………………………………
คอลัมน์ : Healthy Clean
โดย “พรรณรวี พิศาภาคย์”