เหนือคำบรรยายจริง ๆ คลิปเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ค่อนข้างสลดหดหู่ใจต่อผู้ที่มีโอกาสเห็น เรื่องราวของ กลุ่มสีกากีนอกรีต ที่ได้สร้างความอัปยศอดสูมาให้กับวงการตำรวจไทย รอบนี้กลับกลายเป็นว่าได้ถูกตีแผ่ให้สังคมได้เห็นกันแบบไม่คาดฝัน แต่หากไล่เรียงรอยด่างของวงการสีกากี ที่ถูกกระทำโดยบรรดา ตำรวจนอกรีต มีมาต่อเนื่อง ที่ถูกจับกุมดำเนินคดีก็มีไม่น้อย ทั้งอุ้มฆ่า, ฆ่าเผา, อุ้มรีด, ค้ายา ฯลฯ ตอนนี้มีบรรดาสีกากีนอกรีตหลายคนยังถูกจองจำอยู่ในคุก

ดองเรื่องไว้ 2 อาทิตย์ แต่ฟ้ามีตาสวรรค์ไม่เป็นใจ

เหตุการณ์คดี กลุ่มตร.นอกรีต สภ.เมืองนครสวรรค์ ที่ร่วมกันก่อเหตุอัปยศ จนสร้างความสั่นสะเทือนให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากไล่เรียงไทม์ไลน์ภาพจากวงจรปิดระบุ วัน-เวลาเอาไว้ชัดเจนที่มุมซ้ายของภาพ 08-05-2021 เวลา 13.10 น. เศษ (วันพฤหัสบดี 5 ส.ค.) ตั้งแต่ นายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาคดียาเสพติด ถูกคลุมหัวไว้ด้วยถุงสีดำ มีตร.นอกเครื่องแบบพาเดินเข้ามาในห้องทำงานของ ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด (ชุด 05) สภ.เมืองนครสวรรค์ ซึ่งเป็นอาคารเรียกว่า “บ้านกาแฟ” แยกออกมาจากตัวโรงพักนครสวรรค์ ก่อนจะมีตร.นอกเครื่องแบบคนอื่นเดินตามเข้ามาในห้องรวมทั้งหมดที่ปรากฏในภาพวงจรปิด 6 คน

โดยมี นายตำรวจหนุ่ม รูปร่างทะมัดทะแมง เป็นหัวโจกนำลงมือซ้อมทรมาน นายจิระพงศ์ ซึ่งถูกคลุมหัวด้วยถุงพลาสติก ส่วนคนอื่น ๆ ช่วยจับใส่กุญแจมือกดร่างลงกับพื้น คลิปเสียงมีรายละเอียดการกระทำบังคับขู่เข็ญทรมาน ทั้งภาพและเสียงชัดเจน เมื่อร่างของนายจิระพงศ์ นอนคว่ำหน้าหมดสติแน่นิ่งก็ยังนำน้ำมาสาดใส่หวังเรียกสติให้ฟื้น แต่เมื่อไม่เป็นผลคราวนี้ในห้องก็เริ่มแสดงอาการตื่นตระหนกออกมาอย่างเห็นได้ชัด มีทั้งพยายามช่วยกันปั๊มหัวใจ บ้างก็เดินเข้า-ออกห้องท่าทีกระวนกระวาย ก่อนกล้องจะตัดหายไป โดยภาพคลิปถูกบันทึกเอาไว้เป็นระยะเวลาประมาณ 10 นาทีเศษ

เหตุการณ์ครั้งนี้เหมือนจะถูกปิดเงียบไปนาน 16 วันเต็ม ๆ ไม่มีใครทราบเรื่องว่าเกิดเหตุการณ์ กลุ่มตร.นอกรีต ในห้องทำงาน ตำรวจชุดปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด (ชุด 05) แต่เมื่อฟ้ามีตา สวรรค์ไม่เป็นใจกับกลุ่มสีกากีนอกรีต  (วันอาทิตย์ 22 ส.ค.) ทนายเดชา หรือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเพจ ทนายคลายทุกข์ ถึงเหตุการณ์มีตำรวจร้องเรียนมายังทนายคลายทุกข์ ถึงเรื่องราวอันไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการจับตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด ทั้งชายและหญิง ยาบ้าประมาณหลักแสนเม็ด จาก จ.ชัยนาท นำตัวมาที่สภ.เมืองนครสวรรค์ ก่อนจะมีการเรียกเงินผู้ต้องหา 1 ล้านบาท ซึ่งผู้ต้องหายอมจ่ายแล้ว แต่ตำรวจยศ “พ.ต.อ.” ไม่ยอมบอกจะเอา 2 ล้านบาท หลังจากนั้นเป็นคนนำถุงดำมาคลุมหัวผู้ต้องหาชาย ทรมานจนขาดอากาศและตายในที่สุด จึงอยากแชร์เรื่องนี้ไปยัง ผบ.ตร., ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ และ ผบช.ภ.6 ตรวจสอบว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

สะเทือนสตช.-กระบวนการยุติธรรม

หลังจากนั้น (วันจันทร์ 23 ส.ค.)  พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ หรือ ผู้กำกับโจ้ (นรต.รุ่น 57) ได้ออกมาปฏิเสธไม่ได้ลงมือซ้อมหรือทำร้ายร่างกายและเรียกเงินทองตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ส่วนประเด็นการเสียชีวิตอ้างผู้ตายมีโรคประจำตัวและพ่อผู้ตายก็ไม่ได้ติดใจเอาความ โดยใบรับรองการเสียชีวิตออกมาเมื่อวันที่ 6 ส.ค. แพทย์สันนิษฐานเบื้องต้นว่า พิษจากสารแอมเฟตามีน อย่างไรก็ดี พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ได้มีคำสั่งย้ายด่วน ผู้กำกับโจ้ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.6 จ.พิษณุโลก

กระทั่งเย็น วันอังคาร 24 ส.ค. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้โพสต์คลิปที่มีความยาวประมาณ 9.52 นาที ผ่านเฟซบุ๊ก “ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ” เหตุการณ์คลุมหัวฆ่าโหดสะเทือนใจคนทั้งประเทศ คราวนี้ทำเอาถึงกับช็อกสังคม กลายเป็นไวรัลคลิปถูกแพร่กระจายไปตามโซเชียล ทั้งไลน์, เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ ที่สำคัญคงไม่ได้เห็นกันเฉพาะในประเทศไทยแล้วแต่ได้เห็นทั่วโลก ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์คนในสังคมถึงเหตุการณ์ครั้งนี้กันอย่างกว้างขวาง จากนั้นช่วงค่ำวันที่ 24 ส.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้ออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้ มอบหมายให้ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ไปตรวจสอบคลิป ดำเนินการด้านวินัย และให้ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ควบคุมคดีอาญา นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ออกจากราชการไว้ก่อน

ต่อมา เช้าวันพุธ 25 ส.ค. สื่อทุกแขนงทั้งหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ และเว็บไซต์ต่างเกาะติดนำเสนอข่าวเรื่องของ ผู้กำกับโจ้ เป็นหัวใหญ่ ที่สังคมให้ความสนใจอย่างมาก จากนั้นช่วงสาย ศาลจังหวัดนครสวรรค์ ออกหมายจับ 1.พ.ต.อ. ธิติสรรค์ อุทธนผล ผกก.สภ. เมืองนครสวรรค์ ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย พร้อมพวกรวม 7 ราย ประกอบด้วย พ.ต.ต.รวิโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว, ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว หลังถูกหมายจับมีการติดต่อเข้ามอบตัว คือพ.ต.ต.รวิโรจน์, ร.ต.อ.ทรงยศ, ด.ต.ศุภกร และส.ต.ต.ปวีณ์กร

ส่งผลความเชื่อมั่น “ระบบตำรวจ

ทีมข่าว 1/4 Special Report พูดคุยกับ รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล รองอธิการบดีฝ่ายรักษาความสงบเรียบร้อย และประธานกรรมการสถาบันอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ให้สัมภาษณ์ว่า จากคดีนี้ถือเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ โดยเชื่อว่าพฤติกรรมของผู้กำกับท่านนี้ ไม่ใช่การกระทำครั้งแรก เพราะดูจากพฤติกรรมและรูปแบบในการกระทำ ซึ่งในคลิปผู้ก่อเหตุถือเป็นผู้กระทำหลักทั้งการนำถุงมาคลุมหัว ทุบตี ดังนั้นเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรตำรวจ ควรจะต้องมีการตรวจสอบคดีก่อนหน้านี้ด้วย เชิงอาชญาวิทยา นี่ถือเป็นการกระทำ เชิงวัฒนธรรมกลุ่ม ที่สะท้อนภาพความรุนแรงในการสืบสวนที่ยังมีอยู่ เพราะการทรมานแบบนี้ไม่มีอยู่ในหลักสูตรของนักเรียนนายร้อยตำรวจ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้หลังจากจบมา จึงสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมกลุ่มที่มีการเลียบแบบต่อกันมา

ขณะเดียวกันก็ขาดความเป็นมืออาชีพของตำรวจ แม้ผู้ต้องหาจะมีความเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติด แต่ตำรวจไม่มีสิทธิไปทรมานผู้ต้องหา ไม่ว่าจะการบังคับให้สารภาพ หรือบอกแหล่งที่ซ่อนยา ที่ซ้ำร้ายกรณีนี้ไปเกี่ยวโยงกับการเรียกทรัพย์และผลประโยชน์ส่วนตัว นี่จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจ เพราะการเป็นตำรวจต้องบังคับใช้กฎหมาย แต่กลายเป็นผู้ละเมิดกฎหมายเสียเอง เหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อตำรวจนายอื่น ๆ ที่ปฏิบัติงานด้วยความสุจริตขาดขวัญกำลังใจในการทำงาน

ผู้บังคับบัญชาระดับสูงควรต้องคัดแยกระหว่างตำรวจดีกับไม่ดีอย่างเร่งด่วน ซึ่งปัญหานี้มีอยู่ทั่วโลก แต่ทุกที่จะมีการบริหารจัดการที่ต่างกันตามวัฒนธรรม ขณะเดียวกันเหตุการณ์นี้สะท้อนถึงปัญหาในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เพราะถ้าเทียบดู ผู้กำกับโจ้ เป็นนักเรียนนายร้อย รุ่น 57 รุ่นนี้หลายคนมีความก้าวหน้าในสายงานราชการ แต่ก็มีคำถามตามมาว่า มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้อย่างไร จึงต้องกลับมาดูหลักเกณฑ์การแต่งตั้งเพื่อให้คนดีและทำงานจริงก้าวหน้าได้บ้าง

แนะตั้งองค์กรอิสระตรวจสอบตำรวจ

รศ.พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ มองด้วยว่า การปฏิรูปตำรวจควรมีกลไกกำกับการและตรวจสอบการทำงานของตำรวจ ในคนที่ทำดีจะต้องสนับสนุนให้ก้าวหน้า แต่ในส่วนที่ทำไม่ถูกต้อง จะต้องตรวจสอบได้ ไม่ใช่เหมือนรายนี้ที่ทราบว่ามีการไปกล่าวอ้างว่ารู้จักระดับผู้ใหญ่ ซึ่งหากเปรียบเทียบการตรวจสอบตำรวจในอังกฤษ จะมีระบบตรวจสอบโดยภาคประชาชน ที่มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการอิสระตรวจสอบการทำงานของตำรวจ โดยในคณะกรรมการไม่มีตำรวจอยู่เลย ผมเองมีส่วนในการร่าง พ.ร.บ.ตำรวจ ที่มีการถกเถียงกันในสภาตอนนี้ และมีการเสนอคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์ตำรวจ ซึ่งในขั้นกรรมาธิการจะถูกตัดออกไปหรือไม่ ต้องมีการติดตาม เพื่อให้เกิดกระบวนการที่มีความโปร่งใสมากขึ้น

ขณะนี้แม้ยังไม่มีระบบการตรวจสอบโดยภาคประชาชน แต่ตำรวจควรมีการสร้างระบบนี้ขึ้นเพื่อคัดกรองการทำงานของตำรวจ แม้ปัจจุบันจะมีกลไกการตรวจสอบ โดยผ่านระบบตรวจสอบภายในด้วยจเรตำรวจแห่งชาติ แต่ในหลายกรณีก็ถูกสังคมตั้งคำถาม ส่วนอีกแบบเป็นการตรวจสอบจากภายนอกผ่านสื่อมวลชน, ภาคประชน (เอ็นจีโอ), ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ฯลฯ แต่ผลสุดท้ายผลสอบสวนก็วกมาสู่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น บางเรื่อง ป.ป.ช. ส่งผลให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติลงโทษ กลับมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นใหม่ มีการแย้งความเห็น ป.ป.ช.ทำให้ผู้กระทำผิดหลุดคดีไปได้

นอกจากนี้ระบบการตรวจสอบการเงินของตำรวจก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเช่นกัน เช่น สิงคโปร์ ที่มีความโปร่งใสในระดับโลก จะมีการตรวจสอบเงินในบัญชี โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบโดยเฉพาะ และมีการเพิ่มกำลังคนในหน่วยงานนี้เพื่อตรวจสอบอย่างทั่วถึง โดยขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี ตัวอย่างในฮ่องกงก็มีเรื่องฉาวโฉ่ขึ้นมาเช่นกัน มีตำรวจระดับรองผู้บัญชาการนายหนึ่ง ภรรยามีความร่ำรวยผิดปกติ สืบสวนจนพบว่า ทำธุรกิจเกี่ยวกับขายบริการทางเพศแบบถูกกฎหมาย แม้ตำรวจนายนี้จะไม่ได้ถูกลงโทษ แต่สื่อทุกสำนักนำผลการสอบสวนเรื่องนี้ออกมาตีแผ่ให้สังคมรับรู้

แสดงให้เห็นว่าถ้าเราอยากแก้ปัญหานี้จริงจัง ควรมีมาตรการตรวจสอบตำรวจอย่างจริงจังเป็นระบบได้แล้ว.!!.