“ชบาแก้ว” ทีมฟุตบอลหญิง ทีมชาติไทย มีงานสำคัญ ลุ้นไปฟุตบอลหญิงโลก สมัย 3 ติดต่อกัน

เกมเพลย์ออฟ ลุ้นฟางเส้นสุดท้าย สาวไทย ต้องเอาชนะ 2 ทีม 2 นัด พลาดไม่ได้แม้แต่นัดเดียว ดวลแข้งที่นิวซีแลนด์

วันที่ 18 ก.พ.66 นัดแรก พบ แคเมอรูน เตะเวลาไทย 13.00 น. หากชนะก็เหลืออีกนัด เจอ โปรตุเกส วันที่ 22 ก.พ.66

ชนะ 2 นัดนี้ ก็ไปเล่นฟุตบอลโลก 2023 ที่ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ เลย แต่ถ้าแพ้สักนัดเดียวก็จบ

ทีมไทย ไม่น่าต้องมาเหนื่อยถึงรอบนี้ เพราะย้อนไปศึกชิงแชมป์เอเชีย โอกาสเปิดมากๆเอาเข้ารอบถึง 5 ทีม ไม่รวมยักษ์ใหญ่อย่างออสเตรเลีย เรียกว่าแพ้แล้วแพ้อีก ก็ยังได้แก้ตัว

แต่ด้วยความที่ปัญหาโควิด-19 ป่วนทีมไทย ซ้อมก็น้อย ไปแข่งก็เจอโควิดระบาด(ซึ่งก็เจอกันหลายทีม)

ทั้งรายการชนะแค่นัดเดียว ในการพบ อินโดนีเซีย รอบแรก นอกนั้นอีก 5 นัดแพ้หมด(ฟิลิปปินส์-ออสเตรเลีย รอบแรก, ญี่ปุ่น รอบ 8 ทีม, เวียดนาม-ไต้หวัน รอบเพลย์ออฟ)

ทีมที่เข้าไปแล้วของเอเชียไปแล้ว มี ฟิลิปปินส์ กับ เวียดนาม 2 ชาติอาเซียนด้วยที่ทำได้ครั้งแรก ซึ่งน่าดีใจกับเขา แต่ก็ทำให้ย้อนมาดูตัวเรา

ชบาแก้ว ภายใต้การนำของ มิโยะ โอกาโมโตะ เตรียมสำหรับรายการนี้ดีมาก ไปเก็บตัวญี่ปุ่น, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ ขาดแต่ว่าการได้อุ่นเครื่องกับทีมแข็งๆ จาก แอฟริกา หรือ ยุโรป ที่เป็นคู่ต่อสู้

มาคิดๆว่า ถ้าเตรียมดีแบบนี้ตั้งแต่ชิงแชมป์เอเชีย ก็ฉลุยไปแล้ว

ชุดนี้ เป็นส่วนผสมผสาน รุ่นเก๋า รุ่นกลาง รุ่นใหม่

จะไม่มี “มิรันดา” สุชาวดี นิลธำรงค์ กำลังสำคัญในการไปฟุตบอลโลก 2019 ที่แขวนสตั๊ดแล้ว

วราภรณ์ บุญสิงห์, กาญจนาพน แสนคุณ, สุนิสา สร้างไธสง, วารุณี เพ็ชรวิเศษ, นิภาวรรณ ปัญโญสุข, อิรวดี มาครีส, ศิลาวรรณ อินต๊ะมี, อรพินท์ แหวนเงิน, ธนีกานต์ แดงดา, เสาวลักษณ์ เพ็งงาม นำทัพ

จะมีดาวรุ่งอย่าง “น้องใบหม่อน” จณิสตา จินันทุยา ที่ไปเล่นฝรั่งเศสกับ โซโยซ์ ชาแร็งเต, นวลอนงค์ หมื่นศรี ที่ติดชุดใหญ่ครั้งแรก ขณะที่ “แอมแปร์” ณัฐวดี ปร่ำนาค ก้าวมาเป็นแกนหลักของทีมชุดใหญ่สักพักแล้ว

คู่ต่อสู้ของทีมฟุตบอลหญิงไทย หนักหนาขนาดไหน…ในเมื่อยังไม่เคยเจอกันก็คาดเดาลำบาก จึงต้องหาข้อมูลมาสเก็ตช์ภาพ

ไปดูอันดับโลก ไทย อันดับ 41 ของโลก ส่วน แคเมอรูน อันดับ 58 ของโลก และ โปรตุเกส อันดับ 22 ของโลก

แคเมอรูน ในโซนแอฟริกาใต้ เสมอ แซมเบีย 0-0, เสมอ โตโก 0-0 แล้วชนะ ตูนิเซีย 2-0 แต่รอบ 8 ทีม มาแพ้ ไนจีเรีย 0-1 ก่อนจะชนะ บอตสวานา 1-0 ในรอบแก้ตัว เลยได้มาเล่นรอบเพลย์ออฟ นานาชาติ

ส่วนโปรตุเกส เตะโซนยุโรป 10 นัด แพ้แค่ 2 นัดให้ขาใหญ่อย่าง เยอรมนี โดย 10 เกม รัวไปถึง 26 ลูก

ผ่าน เบลเยียม กับไอซ์แลนด์ ก่อนจัดอันดับสู้อีก 2 ทีมไม่ได้ต้องมาเพลย์ออฟ

แคเมอรูน เคยเล่นฟุตบอลหญิงโลกมาแล้ว 2 สมัย เหมือนไทย แต่ที่ต่างกันคือ ทั้ง 2 ครั้ง ที่แคนาดา กับ ฝรั่งเศส สามารถเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้ ส่วนโอลิมปิก เคยได้เล่นปี 2012

ส่วน โปรตุเกส แม้อันดับโลกดีกว่า แต่ยังไม่เคยเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงโลกเลย

เทียบเคียงคู่แข่งที่โปรตุเกสเคยเจอ เอาแบบให้เห็นภาพ ปีที่แล้วมีเกมอุ่นเครื่อง เสมอ ออสเตรเลีย 1-1 และเคยชนะ นอร์เวย์ 2-0 ในบอลอัลการ์ฟคัพ และมีเกมแพ้ “รองแชมป์โลก” เนเธอร์แลนด์ หวุดหวิด 2-3

ไทย ไปเล่นบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2 สมัย ตกรอบแรกทั้ง 2 ครั้ง เคยเจอทีมแอฟริกา 1 ครั้ง เมื่อปี 2015 ชนะ ไอวอรีโคสต์ 3-2

เจอทีมยุโรป 3 ครั้ง ปี 2015 แพ้นอร์เวย์ กับ เยอรมนี สกอร์เดียวกัน 0-4 และปี 2019 แพ้ สวีเดน 1-5

ด้วยความที่ไม่มีโอกาสได้เจอกัน ก็เดายากว่าใครเหนือกว่า แล้วเหนือกว่าขนาดไหน เราจะเจออะไร

ก็ต้องขุดข้อมูลทั้งเก่าและใหม่มาเปรียบ ให้ได้เห็นภาพลางๆ

สุดท้าย ชบาแก้ว จะสร้างประวัติศาสตร์ได้หรือไม่ ต้องรอลุ้นรอเชียร์กัน.

*** วุฒินล ***