เรื่องราวชีวิตของ “รัชนก” หรือ น.ส.รัชนก หาญปราบ วัย 35 ปี อดีตพนักงานสาวส่งพัสดุบริษัทแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี จากที่เคยราบรื่นทำมาหากินได้เหมือนคนปกติทั่วไป เป็นคนร่างกายแข็งแรง จู่ๆ พลิกผันเหมือนดั่งจากฟ้าลงสู่เหว เดินไม่ไหวเพราะกล้ามเนื้อเสียหายเฉียบพลัน แถมโรคภูมิคุ้มกันทำลายตัวเองกำเริบ ส่วนลูกสาววัย 16 ปี จากที่เป็นเด็กแข็งแรง แต่วันนี้กลับกลายมีอาการคล้ายคนถูกผีเข้า หลุกหลิก ตาขวาง ไม่กิน ไม่นอน บางครั้งทำร้ายตัวเอง สองแม่ลูกสุดท้อใจ ไม่รู้เวรกรรมอะไรถาโถม ทำให้ต้องทนทุกข์ทรมาน

“รัชนก” กับลูกสาววัย 16 ปี อาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ 3 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ดูแต่ละวันช่างผ่านไปอย่างยากเย็น แม่ก็ล้มป่วยเดินไม่ไหว ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วยพยุง แถมยังต้องห่วงดูแลลูกสาวที่มีอาการผิดปกติ รัชนกต้องลาออกจากงานเพื่อรักษาตัวเองกับลูก เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ส่วนลูกสาวก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน สองแม่ลูกหมดค่ารักษาไปหลายแสนบาทแล้ว แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น

เมื่อนั่งนึกย้อนถึงสาเหตุ รัชนก หันไปเห็นขันธ์ครู ที่ตัวเองเก็บใส่ถุงเตรียมไปทิ้งขยะซึ่งวางไว้อยู่หน้าบ้าน จึงลำดับเรื่องราวและคิดว่าเรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นช่วงเดือน พ.ย. 65 หลังจากที่เก็บขันธ์ครูใส่ถุงเตรียมไปทิ้งได้ 1 สัปดาห์ โดยตัวเองไม่ได้กราบไหว้บอกกล่าวหรือขอขมา จะเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือไม่? หรือเรื่องนี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวเองกับลูกต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้!

รัชนก เล่าว่า เมื่อช่วงปี 2562 ตนมีปัญหาชีวิตเรื่องงาน เรื่องเงิน และได้ไปนั่งเล่นที่บ้านคนรู้จัก พบกลุ่มคนมาจากชลบุรี บอกว่าเป็นร่างทรงพ่อปู่ฤาษีตาไฟ เขาชักชวนให้ตนทำพานถวายพ่อปู่ เพื่อแก้กรรมให้ชีวิตดีขึ้น โดยค่าพาน 1,999 บาท เขาเรียก 2 พันบาท แต่ตนมีเงินเพียง 1 พัน ก็ให้เขาไป เขาจัดการทำให้หมดทุกอย่าง จากนั้นก็ได้ไปรับขันธ์ครูที่ตำหนักฤาษีแห่งหนึ่งใน อ.สัตหีบ เอาพานเข้าบ้านมาได้ 2-3 วัน ลูกสาวก็ได้ยินเสียงเด็กมาบอกว่าอยากเล่นตุ๊กตา ก็เลยไปซื้อตุ๊กตาบาร์บี้มาพร้อมกับถวายน้ำแดง จากนั้นก็ไม่เคยไหว้อีกเลย

“หลังรับพานมา ได้ตั้งไว้บนตู้เสื้อผ้า วางปล่อยให้ฝุ่นจับ ไม่เคยได้สักการบูชา ตลอดระยะเวลาที่รับมา ชีวิตก็ไม่มีอะไรดีขึ้น เพราะตนไม่เชื่อเรื่องเหล่านี้ แต่วันรับขันธ์ก็ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจให้รับมา กระทั่งช่วงต้นเดือน พ.ย. 65 ตนเห็นปลวกเริ่มกินตู้เสื้อผ้า จึงได้เก็บขันธ์ครูใส่ถุงพลาสติก นำไปวางไว้หน้าบ้าน รวมๆ กองไว้เตรียมจะนำไปทิ้ง จากนั้นผ่านไปเพียงไม่กี่วัน ช่วงวันที่ 6 พ.ย. ร่างกายก็เริ่มผิดปกติ แขนขาไม่มีเรี่ยวแรง ต้องใช้ไม้เท้าค้ำยันช่วย จนแพทย์มาตรวจพบว่าตนป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อเสียหายเฉียบพลัน ต้องใช้ชีวิตอย่างเจ็บปวดทรมาน”

โชคร้ายที่เกิดขึ้น ตนอดคิดไม่ได้ เพราะเริ่มมาป่วยหลังจากรื้อขันธ์ครู ตนอยากกลับมาทำงานใช้ชีวิตปกติ หาเงินเลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัวได้เหมือนก่อน ส่วนลูกสาวตนก็มั่นใจไม่ได้ป่วยจิตเวช เพราะพยายามหาสาเหตุหลายอย่าง ไปรักษามาหลายที่ พอดีขึ้นบ้างก็กลับมาเป็นอีก ยิ่งวันโกน วันพระ ลูกสาวจะมีอาการหนักขึ้น มาตอนนี้ตนเริ่มเชื่อว่า สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับครอบครัว น่าจะมาจากสิ่งลี้ลับที่ตนเองได้กระทำการลบหลู่ด้วยคำพูด รวมถึงการกระทำที่นำขันธ์ครูไปทิ้ง ขอผู้รู้ช่วยเปิดทางหาวิธีแก้ไข ช่วยเหลือให้ครอบครัวพ้นจากบ่วงกรรมครั้งนี้ด้วย

ต่อมา รัชนก ได้รับคำแนะนำให้ไปพึ่งใบบุญ พระอาจารย์ บุญส่ง จันทิโม หรือ “หลวงปู่อี๊ด” ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดเทพประสาทเตาถ่าน เกจิชื่อดังสายปฏิบัติ ให้ช่วยเปิดทางแก้วิบากกรรมให้ จึงได้หอบสังขารที่กำลังเจ็บป่วยเดินทางไปพร้อมลูกสาวที่มีอาการคล้ายถูกผีเข้า หลวงปู่อี๊ดได้ทำพิธีสวดคาถาถอนขันธ์ครู หรือ ขันธ์เทพ ขอขมาต่อองค์เทพผู้สถิต ที่รัชนกได้นำมามอบถวายให้ พร้อมทำพิธีอาบน้ำมนต์ให้กับลูกสาวรัชนก เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิตและเสริมความเป็นสิริมงคล

ภายหลัง “หลวงปู่อี๊ด” ทำเสร็จสิ้นพิธี ลูกสาวรัชนกเริ่มมีอาการดีขึ้น พูดจารู้เรื่อง แต่ก็ยังมีอาการหลุกหลิกอยู่บ้าง ส่วนรัชนกก็มีกำลังใจดีขึ้น โดยหลวงปู่ท่านได้สอนสองแม่ลูกให้ใช้สติเพื่อก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆ อย่าย่อท้อกับชีวิต ให้มีกำลังใจสู้ เพื่อก้าวข้ามผ่านวิบากกรรมไปให้ได้

เรื่องราวของรัชนก ที่ปรากฏขึ้นนี้ โลกของความเชื่อ อาจหาข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ว่ามีอยู่จริงหรือไม่ แต่อาจเตือนใจได้ว่า “ถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่” เพราะชีวิตอาจต้องพบกับเรื่องราวลี้ลับ หรือนี่อาจเป็นเพียงความบังเอิญ หรือเป็นเรื่องปกติของการเจ็บป่วยที่เป็นสัจธรรมของชีวิตมนุษย์ก็เป็นได้

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : ณัฐภูมินทร์ ปานรักษ์ จ.ชลบุรี
[[คลิก]] อ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..