หนึ่งในคำถามคาใจของแฟนบอลอาร์เซนอล หลังจากตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองปิดตัวลงเมื่อสิ้นเดือนที่ผ่านมา คงหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า “ปืนใหญ่” เสริมทัพได้ดีพอลุ้นแชมป์หรือไม่?

อาร์เซนอล แม้มีผลงานที่ยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้จนนำเป็นจ่าฝูง แต่ขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ว่าขุมกำลังที่มีอยู่ยังไม่มีความลึกมากพอที่จะคว้าถ้วยแชมป์ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นต้องทำที่สุดคือซื้อนักเตะใหม่เข้ามา

การเสมอนิวคาสเซิลแบบไร้สกอร์เมื่อต้นปี คือหลักฐานถึงการขาดทางเลือกในเกมรุก ขณะที่ชั่วโมงแรกของชัยชนะเหนืออ็อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ในไม่กี่วันต่อมาก็พิสูจน์เช่นกันว่าคุณภาพผู้เล่นบนม้านั่งสำรองที่มีอยู่มันยังไม่พอ

ดังนั้นโจทย์คือการเสริมทัพเติมคุณภาพเชิงลึกและดีพอสลับสับเปลี่ยนกันได้

ย้อนไปช่วงซัมเมอร์ 2021 หกการเซ็นสัญญาในหน้าต่างนั้น ผู้เล่นมีอายุต่ำกว่า 23 ปี (อารอน แรมสเดล, เบน ไวท์, มาร์ติน โอเดการ์ด, อัลเบิร์ต แซมบี โลคองกา, นูโน ทาวาเรส และทาเคฮิโร โทมิยาสุ) พอช่วงซัมเมอร์ปี 2022 เป็นช่วงของการยกระดับทีมด้วยคุณภาพและประสบการณ์ อาร์เซนอลจึงเซ็นสัญญาของกาเบรียล เชซุส และโอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก ที่อายุมากขึ้นมากอีกหน่อย

มันจึงไม่น่าแปลกใจที่อาร์เซนอลยังต้องการเดินหน้าเติมผู้เล่นอายุไม่มาก เช่น มิคาอิโล มูดริก (22) หรือ มอยเซส ไคเซโด (21) แต่สุดท้ายก็พลาด ก่อนไปได้ เลอันโดร ทรอสซาร์ (28) และ จอร์จินโญ (31) รวมถึง ยาคุบ คิวิออร์ (22)

ถามว่ามันหมายถึงตลาดที่ล้มเหลวหรือไม่? มิเกล อาร์เตตา ไม่ได้คิดเช่นนั้น เขาบอกว่าทีมจะได้ประโยชน์จากนักเตะมากประสบการณ์ และมันไม่ได้จำเป็นที่ต้องเซ็นแค่นักเตะอายุน้อยๆ คิดถึง 5 ปีข้างหน้าอย่างเดียว ทีมต้องการความสมดุลย์ด้วยเหมือนกัน

มองแง่ดีนี่อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของอาร์เซนอล สโมสรอาจพลาดเป้าหมายเบอร์หนึ่ง แต่อย่างน้อยสิ่งที่ทรอสซาร์และจอร์จินโญเหนือกว่าก็คือประสบการณ์ โดยเฉพาะจอร์จินโญที่ผ่านสมรภูมิต่างๆ มาอย่างโชกโชน

อดีตกองกลางเชลซีอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญอย่างเหลือเชื่อ เพราะต้องไม่ลืมว่าทุกครั้งที่อาร์เซนอลไม่มีโธมัส ปาร์เตย์ แดนกลางของทีมจะอ่อนยวบลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้ายามใดที่ปาร์เตย์ไม่พร้อม และจอร์จินโญลงมาแทนอย่างไร้รอยต่อ เขาก็อาจคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกของตัวเองกับอาร์เซนอลก็เป็นได้
เฮียเอง