หากพูดถึงนางเอกขาบู๊ประจำช่อง 7 ต้องยกให้นางเอกสาว ฮาน่า ลีวิส ที่ตอนนี้กำลังมีผลงานละคร “ชาติพยัคฆ์ คมนักเลง” ประกบคู่พระเอกหนุ่ม เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล แถมเจ้าตัวยังทำให้แฟน ๆ ฮือฮา ในฐานะนางรำในชุดม่วงที่มาร่วมรำถวาย “พญาศรีสัตตนาคราช” ในโครงการ “One Man And The River” ว่ายน้ำข้ามโขงของ โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ที่ จ.นครพนม ที่ความสวยโดดเด่น วันนี้ “ดาวต่างมุม” มีโอกาสได้พูดคุยกับเธอ ทั้งในเรื่องของผลงาน มุมมองในการทำงาน ถอดบทเรียนจากเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวเองที่พัฒนามากขึ้น รวมถึงไม่พลาดอัพเดทเรื่องหัวใจกับหนุ่ม อ๊อฟ-ชนะพล สัตยา ที่นับวันก็ยิ่งหวานด้วย

พูดถึงคาแรกเตอร์ “รุ้งรวี” ใน “ชาติพยัคฆ์ คมนักเลง” หน่อย ต้องทำการบ้านตรงไหนเป็นพิเศษมั้ย?

“คาแรกเตอร์ “รุ้งรวี” เป็นลูกสาวกำนัน มีความแก่น ลุย และไม่ค่อยยอมใคร เวลาที่ชาวบ้านเดือดร้อน เราก็จะเป็นคนนึงที่พุ่งเข้าไปช่วยก่อน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มีการทำการบ้านเป็นพิเศษเท่าไหร่ แต่แค่รื้อฟื้นเรื่องการบู๊ เพราะก่อนที่จะมาเล่นเรื่องนี้ก็พักบู๊ไปปีกว่า เหมือนมาฟิตร่างกายอีกรอบค่ะ การแสดงครั้งนี้ก็มีความยากอยู่บ้าง เพราะเราต้องเล่นซ้อนตัวเองด้วย มันต้องเล่นหลายรอบ จินตนาการเยอะหน่อย สิ่งที่ยากและท้าทายที่สุดอาจเป็นเรื่องของการต้องเล่นกับซีจี เพราะมันต้องใช้เวลาในการเล่น เหมือนเราต้องจินตนาการให้ตรงกับคนที่เขาทำซีจีให้ได้มากที่สุดค่ะ เพราะบางทีเราต้องมองตัวอะไรบางอย่าง ก็ต้องมองให้ดูเนียนที่สุด หรือต้องมองสิ่งที่ลอยมาให้มันพอดีค่ะ”

การได้ร่วมงานกับ “เข้ม” เป็นยังไง มีอะไรประทับใจเล่าให้ฟังบ้าง?

“น้องเข้มเป็นเด็กที่น่ารักนะคะ และอะเลิร์ตตลอดเวลา (หัวเราะ) น้องตั้งใจทำงานค่ะ ส่วนสิ่งที่ฮาน่าได้เรียนรู้จากการแสดงครั้งนี้คือ ก็น่าจะเป็นเรื่องของกรรม สิ่งที่เราเคยทำในอดีต มันส่งผลต่อเราในชาติอื่น ๆ ค่ะ สำหรับผลงานครั้งนี้ จริง ๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนะคะ (ยิ้ม) คาดหวังแค่ให้คนดูชอบและสนุกแค่นั้น อยากให้คนติดตาม ตั้งแต่ต้นจนจบ มันมีหลายเรื่องราวอีกมากมายค่ะ”

อัพเดทผลงานอื่น ๆ มีอะไรอีกบ้าง?

“มี “กล้าผาเหล็ก” ค่ะ ซึ่งถ่ายทำได้พอสมควร เกือบครึ่งอยู่ เป็นละครบู๊ ส่วน “ทุกอณูฤทัย” เป็นแนวโรแมนติก แอ๊คชั่น และดราม่าปนด้วยค่ะ ก็เพิ่งเปิดโผไป และน่าจะมีฟิตติ้งเร็ว ๆ นี้ค่ะ”

ล่าสุดไปร่วมรำถวาย “พญาศรีสัตตนาคราช” ในโครงการ “One Man And The River” ว่ายน้ำข้ามโขง ที่ จ.นครพนม ซึ่งการรำและความสวยของ “ฮาน่า” เป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์ เล่าความรู้สึกต่อเรื่องนี้ให้ฟังหน่อย?

“มีโอกาสได้รู้จักกับพี่โตโน่อยู่แล้ว อีกอย่างเราเป็นคนนครพนมด้วย ซึ่งพี่โตโน่ก็รู้และชวนเราไปรำ วันนั้นรู้สึกตื่นเต้นเพราะคนเยอะมาก ฝั่งลาวก็มาร่วมด้วย ดีใจทีได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ทำ ส่วนกระแสชื่นชมในโลกออนไลน์ เราก็ได้เห็นนะคะ มีพี่ ๆ ส่งมาให้ดู ก็ดีใจและชื่นใจ ที่มีคนชื่นชมและเปิดวาร์ปของเรา (หัวเราะ) หายเหนื่อยเลย ถือว่าขอพรไปแล้วได้ค่ะ คือกระแสในทางที่ดี ทุกคนชื่นชม และกลับมาติดตามผลงาน ยอดฟอลโลว์ในติ๊กต็อกและไอจีเพิ่มขึ้น หลายคนสงสัยว่าคนนี้เป็นใคร ทำไมไม่เคยเห็น หรือบางคนก็บอกว่า ว่าแล้วหน้าคุ้น ๆ นักแสดงช่อง 7 นี่เอง ดูคนละลุคเลยค่ะ”

ณ วันนี้มีวิธีเลือกรับบทบาทยังไง?

“บางทีที่ผู้ใหญ่ส่งบทมาให้ดู เราก็ขออ่านในตัวทรีตเมนต์ของเรื่องก่อนว่าเป็นแบบไหน เข้ากับเรามากน้อยแค่ไหน ถ้าบางอย่างมันไม่เข้า ก็ต้องปฏิเสธไป แต่บางบทที่น่าเล่น ท้าทายก็รับค่ะ”

หลายคนมักเห็นเราในบทบู๊ จนติดภาพจำว่าเราเป็น “นางเอกขาบู๊” ไปแล้ว รู้สึกยังไงบ้าง?

“เหมือนเราเล่นบู๊เยอะ ทุกคนก็จำเราในภาพนั้น เวลาที่ละครบู๊ทุกคนก็จะนึกถึงเรา ก็ดีเหมือนกัน”

พอหลายคนมีภาพจำเราในบทบู๊แบบนี้ กลัวมั้ยว่าคนจะติดภาพจนทำให้เราไปรับบทอื่น ๆ ยาก?

“คงก็มีบ้างนิดหน่อย ด้วยความที่พอเป็นบทบู๊เขาจะมีความลุย ไม่ค่อยมีความเป็นผู้หญิงเท่าไหร่ พอเราหลุดออกจากบทบู๊ จริตจะก้านจะน้อยลง เวลาเราได้รับอะไรที่มันแตกต่าง ก็ต้องไปเพิ่มในส่วนนี้ เราเป็นผู้หญิงลุย ๆ จริตจะก้านจะน้อยมาก (หัวเราะ) เหมือนตัวเราเองก็ถนัดรับบู๊มากกว่าบทเรียบร้อยด้วย แต่ก็อยากได้ท้าทายอะไรใหม่ ๆ บ้างเหมือนกันค่ะ”

รีวิวชีวิต 10 ปีในวงการบันเทิงให้ฟังหน่อย?

“สำหรับ 10 ปีในวงการ ก็เหมือนเราค่อย ๆ เติบโตมาเรื่อย ๆ นะคะ จากเป็นเด็กประกวดมิสทีน ใส ๆ เลย ไม่รู้เรื่องอะไรเลย (หัวเราะ) จนเราค่อย ๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองว่าการทำงานในวงการเป็นแบบนี้ การอยู่ในวงการเป็นแบบนี้ เหมือนปรับเราขึ้นมาอีกระดับเลย และยิ่งตอนนี้ยิ่งทำให้เราโตมากขึ้น เราก็จะรู้วิธีในการที่จะเจอผู้คนมากมายค่ะ”

ณ วันนี้ให้ความสำคัญกับคำว่า “นางเอก” ยังไง?

“ไม่ได้ยึดติดนะคะว่าจะต้องเป็นนางเอก เพราะว่าในมุมมองของเรา บางทีบทนางเอกก็จะเริ่มซ้ำ ๆ ความแตกต่างจะน้อยลง พอมาเล่นถึงจุดนึง ความแตกต่างจะน้อยลงเรื่อย ๆ จนพอมาเป็นตัวอื่น มันมีอะไรให้เราเล่นมากกว่าการเป็นนางเอก ก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ยึดติดเลย อยากลองเล่นอะไรใหม่ ๆ ดูบ้าง และรู้สึกว่าชีวิตคนมีหลากหลายรูปแบบ แต่ละคนไม่เหมือนกันอยู่แล้ว เราจะเอาออกมาได้ยังไง มันก็เป็นสิ่งที่เราคิดในใจ มองหาบทที่ท้าทาย มากกว่าการเป็นนางเอกค่ะ”

สิ่งที่ได้เรียนรู้จากห้องเรียน ที่ชื่อว่า “วงการบันเทิง” คืออะไรมากที่สุด?

“ได้เรียนรู้การได้เจอผู้คนค่ะ เพราะบางทีเราได้เจอหลาย ๆ คน ได้เห็นในมุมมองและทัศนคติของหลาย ๆ คนค่ะ เราก็เอาตรงนั้นมาเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้เพิ่มและปรับใช้ในชีวิตประจำวันค่ะ”

มุมมองต่อการแข่งขันในวงการ เป็นยังไง?

“ส่วนตัวเราไม่ได้แข่งขันอะไรกับใครอยู่แล้ว เราแค่แข่งขันกับตัวเอง ว่าจะทำยังไงให้มันดีขึ้น พัฒนาขึ้น และให้คนจดจำของเราให้มากขึ้นแค่ไหน”

คนดังย่อมโดนจับตามอง ณ วันนี้ รับมือกับดราม่าและเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ ยังไง?

“ในเรื่องของคำวิจารณ์เราก็เอาส่วนนั้นมาคิดทบทวนว่ามันจริงมั้ย ก็ถือว่าเป็นการแนะนำให้เราที่จะปรับตัวเองมากขึ้น เราคิดว่าเหมือนมีคนแนะนำมากกว่า จะได้ไม่ต้องรู้สึกนอยด์ เอาตรงนั้นมาพัฒนาตัวเองดีกว่า ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้มาคิด แล้วทำให้เรามานอยด์ คิดว่าทำไม ก็คิดว่าไม่เป็นไร ถือว่าเขาแนะนำดีกว่าค่ะ”

คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในวงการหรือยัง?

“ก็ประมาณนึงค่ะ เหมือนเราได้โอกาสใหม่ ๆ มากขึ้น ได้เล่นอะไรที่มันแตกต่างมากขึ้น มันก็ประสบความสำเร็จประมาณนึง ส่วนเป้าหมายต่อไปที่อยากประสบความสำเร็จในวงการ ก็มีมองไว้เรื่องของการทำเบื้องหลัง แต่ไม่ได้ทำเอง อาจไปร่วม (ยิ้ม) เพราะยังไม่กล้าทำเองขนาดนั้น เราเองก็สนใจงานเบื้องหลัง ทำอะไรก็ได้ (หัวเราะ) ที่สนใจทำเบื้องหลัง เพราะอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง พี่อ๊อฟก็มาพูดให้ฟัง เราคิดว่ามันก็น่าลองดู ถ้าไหวก็อยากทำต่อ ถ้าไม่ไหวก็โอเค พอ (หัวเราะ)”

อัพเดทความรักกับ “พี่อ๊อฟ” คบมาจะ 2 ปี มีอะไรต้องปรับตัวอีกบ้าง?

“ไม่ค่อยมีอะไรต้องปรับ เหมือนมันเป็นในทิศทางเดียวกัน ความคิดมันตรงกัน เลยไม่ต้องมีอะไรปรับมากมายค่ะ”

ย้อนถามโมเมนต์แรกที่ได้คบกัน อะไรทำให้เราเปิดใจคุยกับเขา?

“เขาเป็นคนอบอุ่น สม่ำเสมอ เป็นคนน่ารักและตั้งใจ ถ้าอยากทำอะไรให้ก็ทำ มันเลยเป็นสิ่งที่เราประทับใจ เขาเป็นแบบไหนมาตั้งแต่แรก ก่อนที่จะเริ่มคุย และเขาก็เป็นแบบนี้มาตลอด ๆ ก็ไม่มีขาดตกบกพร่อง เป็นเหมือนเดิมจนถึงวันนี้ ก็เลยโอเคค่ะ”

จำตอนที่เขามาจีบเราได้มั้ย?

“ไม่รู้ว่ามันเริ่มมายังไง อาจมาคุย ๆ เล่น ๆ คือในจังหวะที่เราอยู่กับเพื่อน ๆ ด้วยกันค่ะ (ยิ้ม)”

มีนิสัยติดมาจาก “พี่อ๊อฟ” บ้างมั้ย?

“จะมีความขี้เล่นมากขึ้น (ยิ้ม) ชอบแกล้งมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนเราเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ค่อยหยอก แต่พี่เขาชอบหยอกเรา ก็จะติดเขามาจากตรงนั้น ส่วนในแง่สิ่งที่ได้เรียนรู้จากพี่อ๊อฟ ก็ด้วยความที่เขาโตกว่าเรา ก็จะช่วยสอนและบอกเราหลายอย่าง ในเรื่องของการทำงานด้วย และมุมมองหลาย ๆ อย่าง เราได้รู้จักคนที่โตกว่าก็ดีนะ”

เคยมีไม่เข้าใจกันมั้ย แล้วหาทางออกยังไง?

“จริง ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรมาก คืออย่างมีอะไรเราคุยเลย พูดเลยตรง ๆ ว่าอันนี้ไม่ดีมั้ง อันนี้ไม่โอเค แต่จะไม่ปล่อยทิ้ง ไม่ทำให้อีกคนต้องมาเดาความรู้สึกค่ะ”

วิธีดูแลความรักของเราทั้งคู่ เป็นยังไง?

“ง่าย ๆ เลยค่ะ เราเป็นแบบไหน ก็เป็นแบบนั้น เราคิดว่าเราเป็นคนปกติ ยกภาพความเป็นดารานักแสดงออกไป เหมือนเราใช้ชีวิตปกติ ถ้าเรามีความรัก ก็มีความรัก ไม่จำเป็นต้องมานั่งปกปิดอะไร แต่ก็ไม่เชิงว่าเปิดหวานขนาดนั้น เราใช้ชีวิตปกติไปเลย”

มีโมเมนต์หวาน ๆ ที่ประทับใจที่สุด เล่าให้ฟังบ้างมั้ย?

“ก็มีแต่มันเล่าไม่ได้ (หัวเราะ) แต่ที่ประทับใจจริง ๆ คือชอบความสม่ำเสมอของเขาค่ะ ถามว่าพี่อ๊อฟเป็นคนคลั่งรักมั้ย ก็อย่างที่ทุกคนเห็น (ยิ้ม)”

มีมุมมองต่อเรื่องชีวิตคู่ยังไง เคยคุยเรื่องแต่งงานกันหรือยัง?

“ก็มีพูดคร่าว ๆ ไว้ แต่ยังไม่ได้โฟกัสในเรื่องนั้นค่ะ”

ท้ายสุดนิยาม “ความรัก” ณ วันนี้ เป็นยังไง?

“หนูไม่ค่อยมีนิยามอะไร หนูแค่คำว่าเข้าใจและเป็นกำลังใจให้กันและกัน ไม่ว่าคุณจะสามารถทำให้เราได้หรือไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังมีกันอยู่ข้าง ๆ หันไปก็เจอ อยู่ข้างเป็นกำลังใจให้กันก็พอแล้วค่ะ”

เชื่อว่าบทสัมภาษณ์นี้จะทำให้แฟน ๆ ได้รู้จักตัวตนและความเป็น “ฮาน่า” มากขึ้น ทั้งเรื่องชีวิตและหัวใจ!.

วันวิสาข์ ดอกเงิน : เรื่อง