หนีฝุ่น หนีมลพิษ ในเมืองหลวง ออกไปพักผ่อน สูดอากาศสดชื่น ในช่วงวันหยุดยาวกันดีกว่า วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” ขอนำเสนอ 10 ที่เที่ยว ใกล้กรุงเทพฯไปเช้าเย็นกลับได้สบายๆ หรือจะค้างคืนก็ได้ ตามสะดวก แต่ละที่บอกเลยว่าจัดว่าเด็ดมาก

  1. เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี

สถานที่ท่องเที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ที่สามารถไปเช้า-เย็นกลับ ได้อย่างสบายๆ เพราะใช้เวลาเดินเพียง 2 ชั่วโมงกว่า เกาะแสมสาร ตั้งอยู่ที่อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี อยู่ในความดูแลของกองทัพเรือ เปิดแหล่งเรียน ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์

บนเกาะแสมสารนั้น ทะเลสีฟ้าครามที่สามารถเล่นน้ำได้มี 2 หาดด้วยกัน คือ หาดเทียน หาดลูกลม (บนเกาะมีทั้งหมด 5 หาด) มีกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น การดำน้ำดูปะการัง เดินเล่นริมหาด พายเรือ นอนพักผ่อนบนเก้าอี้ผ้าใบริมหาด ฟุตบอล-วอลเล่ย์บอลชายหาด ปั่นจักรยาน นั่งเรือท้องกระจกชมธรรมชาติใต้ท้องทะเล

ที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงามมาก เพราะจำกัดนักเที่ยวในแต่ละวัน เพียงแค่วันละ 500 คนเท่านั้น ส่วนการจองตั๋วเรือข้ามฟาก จองได้ที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย จองด้วยตนเอง ไม่มีการจองล่วงหน้า

  1. จังหวัดนครนายก

นครนายก เมืองในฝันใกล้กรุง ภูเขางาม น้ำตกสวย รวยธรรมชาติ ปราศจากมลพิษ เริ่มกันด้วยเที่ยวเขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนคอนกรีตบดอัดที่ยาวที่สุดในโลก เดินชมวิวเหนือสันเขื่อน สามารถมองเห็นตัวเมืองนครนายก และอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีการเช่าเรือหางยาว เพื่อไปชมน้ำตกที่อยู่ลึกเข้าไปในอ่างเก็บน้ำของเขื่อนได้

ต่อมาวังตระไคร้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัด มากมายไปด้วยธรรมชาติ ต้นไม้ใหญ่ และพรรณไม้นานาพรรรณ ล้อมรอบไปด้วยภูเขา สนุกไปกับการเล่นน้ำ ล่องแก่ง กิจกรรมผจญภัยต่างๆ น้ำตกนางรอง ห่างจากตัวเมืองเพียง 20 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด เสียงของสายน้ำ และละอองน้ำ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย น้ำตกชั้นบนมีสะพานเหล็กข้ามธาร เหมาะกับการเดินชม และถ่ายรูปสวยๆ บอกเลยบรรยากาศดีมากๆ

3.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี มีรีสอร์ท และที่พักตากอากาศหลายแห่ง สภาพแวดล้อมประกอบไปด้วยธรรมชาติ ป่าไม้ เทือกเขา ส่วนสถานที่ที่น่าเดินทางไป อันดับแรกเลย ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ได้แช่น้ำแร่อุ่นๆ แบบสบายๆ ผ่อนคลายแล้ว แถมยังช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี เหมาะกับคนรักสุขภาพ พักผ่อนหย่อนใจได้ดีทีเดียว

ต่อมาตลาดน้ำสวนผึ้งเวเนโต้ บรรยากาศดี วิวธรรมชาติ โดยจำลองบรรยากาศมาจากเมืองเวนิช อิตาลี มีร้านค้ามากมาย ภายในมีทะเลสาบขนาดใหญ่ สามารถปั่นเรือเล่นได้ มีสถานที่ถ่ายรูปมากมาย ไปชมอัลปาก้า ที่อัลปาก้าฮิลล์ กับฟาร์มอัลปาก้าแห่งแรกในเมืองไทย บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ บรรยากาศธรรมชาติ สามารถให้อาหาร กอดอย่างใกล้ชิด

นอกจากอัลปาก้าแล้ว ยังมีวอลลาบี้ (จิงโจ้จิ๋ว) กระต่ายยักษ์ แพรี่ด็อก มาม็อต นกฮูกหิมะ และอื่นๆ อีกมากมาย ไปให้อาหารแกะที่ซินเนอรี่วินเทจฟาร์ม ถ่ายรูปสวยๆ เรียกได้ว่าไปสวนผึ้งที่เดียวเที่ยวครบสูตร

  1. สถานตากอากาศบางปู จังหวัดสมุทรปราการ

บางปู หรือ สถานตากอากาศบางปู สถานที่ท่องเที่ยวในแบบพักผ่อนตากอากาศไปกับชายทะเล ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ สัญลักษณ์ของที่นี่ คือ สะพานสุขตา ทอดยาวไปยังทะเล มีศาลาสุขใจอยู่ที่ปลายสะพาน

ในปัจจุบันเป็นร้านอาหาร และที่นัดพบของผู้สูงอายุ มีกิจกรรมเต้นลีลาศทุกวันเสาร์ ที่เที่ยวนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสูดความสดชื่นจากธรรมชาติ ลมพัดเย็นสบาย ชมนกนางนวลโบยบิน ป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ดูพระอาทิตย์ตกยามเย็น นั่งทานข้าวกับครอบครัว  ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ก็มี เช่น ให้อาหารนกนางนวล ปล่อยปู ปลูกต้นโกงกาง ต้นลำพู ปั่นจักรยานรับลมชมวิว สำหรับใครที่อยากเห็นนกนางนวลแบบใกล้ชิด ต้องมาในช่วงเดือนตุลาคม 

  1. เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา

เขาใหญ่ สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของคนกรุงฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแบบ แบบธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานที่ครอบคลุม 4 จังหวัด แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์ ทั้งภูเขา น้ำตก สัตว์ป่าที่ออกมาหากิน ไม้นานาพรรณ ไปชิมองุ่นที่ไร่องุ่นพีบีวัลเล่ย์ ที่มีพื้นที่มากกว่า 2,00 ไร่ ชิมองุ่นสดๆ จากต้น ทานอาหารที่ทำมาจากองุ่น ไวน์องุ่นรสชาติเยี่ยม ร้านอาหารนานาชาติที่มีเมนูกว่า 100 เมนู ชมทิวทัศน์ ธรรมชาติ ผ่อนคลายสมอง 

  1. จังหวัดจันทบุรี

จันทบุรี เป็นจังหวัดหนึ่งที่อยู่ในภาคตะวันออก มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งภูเขา น้ำตก ทะเล เรียกว่าเที่ยวจังหวัดเดียวครบเครื่องจริงๆ ค่ะ เริ่มต้นจะพาไปจุดชมวิวฮอตของจังหวัด นั่นก็คือ จุดชมวิวนางพญา ถนนเลียบระหว่างทะเล และภูเขา เป็นจุดที่สวยงามมาก ศึกษาธรรมชาติที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน ชมธรรมชาติของป่าชายเลน มีสะพานไม้ทอดยาวเป็นทางให้เดินชม บรรยากาศดี อากาศเย็นสบาย ชมวิวอ่าวคุ้งกระเบน

สักการะรอยพระพุทธบาทที่เขาคิชฌกูฏ (เปิดเขาช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม) แต่จะแอดเวนเจอร์หน่อย ตอนขึ้นเขาด้วยรถโฟร์วีล 2 ต่อ ต่อด้วยเดินเท้าขึ้นไป พอขึ้นไปถึงข้างบนแล้วเห็นวิว ได้สักการะรอยพระพุทธบาท หายเหนื่อยจริงๆ ค่ะ ร้อนๆ แบบนี้ต้องไปเล่นน้ำที่น้ำตกพลิ้วจ้า น้ำใส เย็นฉ่ำ ฝูงปลาพลวงแหวกว่าย ทิศทัศน์สวยงาม 

  1. จังหวัดสุพรรณบุรี

สุพรรณบุรี เมืองเสียงเหน่อ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ เพียงชั่วโมงกว่า สถานที่ท่องเที่ยวเยอะแยะมาก ทั้งชมธรรมชาติ ไหว้พระ ชมอควาเรียม ดูควายเผือก เดินตลาดร้อยปี มามะ พาไปเลยดีกว่าจ้า ศึกษาธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติพุเตย กับยอดเขาเทวดา ชมความสวยงามของธรรมชาติ ยิงหนังสติ๊กพันธุ์ไม้ เพื่อปลูกป่า ชิมสตรอเบอรี่สดๆ จากต้น ผ่อนคลายที่อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง แคมป์ปิ้ง กางเต๊นท์ นอนดูดาว บรรยากาศดี ภูเขาล้อมรอบ ไหว้หลวงพ่อโต ชมเรือนขุนช้าง ที่วัดป่าเลไลยก์ ดูการแสดงควายเผือกที่หมู่บ้านควาย

เดินช้อปปิ้งที่ตลาดสามชุกร้อยปี ชิมลูกชิ้นยักษ์ ข้าวห่อใบบัว ของขึ้นชื่อของตลาด เดินเล่นที่บึงฉวาก ชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาน้ำจืด ปั่นเรือในบึงฉวาก ชมสัตว์ต่างๆ ในโซนสวนสัตว์ ลอดอุโมงค์ผักที่อุทยานผักพื้นบ้าน ชมวิวเมืองสุพรรณบุรีที่หอคอยบรรหาร-แจ่มใส ใจกลางเมืองสุพรรณบุรี สักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เดินเล่นในหมู่บ้านมังกรสวรรค์ ชมพิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร ยามเย็นสถานที่แห่งนี้สวยงามมาก เหมาะแก่การถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

  1. จังหวัดกาญจนบุรี

จังหวัดกาญจนบุรี เป็นจังหวัดที่มีที่เที่ยวเยอะมาก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่า เลยเป็นจังหวัดที่มีความสวยงามทางธรรมชาติทั้งอุทยานแห่งชาติ น้ำตกน้ำพุร้อน เขื่อน (จังหวัดเดียวมีถึง 4 เขื่อนเลยนะ) ส่วนสถานที่เที่ยวอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น สะพานข้ามแม่น้ำแคว ทางรถไฟสายมรณะ สะพานมอญ ช่องเขาขาด สุสานทหารสัมธมิตร ด่านเจดีย์สามองค์ เยอะแยะมากจริงๆ คะ ต้องวางแผนกันให้ดีๆ นะ

สถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตเลยก็ต้องไปเล่นน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น น้ำตกเอราวัณ น้ำตกไทรโยค ไหว้พระที่วัดวังก์วิเวการาม วัดถ้ำเสือ ถ่ายรูปเล่นที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว สันเขื่อนทั้ง 4  นั่งรถไฟที่วิ่งบนทางรถไฟสายมรณะ พักผ่อนล่องแพที่แม่น้ำแควใหญ่ กระโดดน้ำเล่นให้ชุ่มฉ่ำ หรือจะไปสัมผัสทะเลน้ำจืด หาดทรายชุกโดน เนรมิตเป็นชายหาด ได้บรรยากาศแบบทะเล แวะซื้ออัญมณีของขึ้นชื่อของเมืองกาญฯ อยากย้อนยุคให้ไปเมืองมัลลิกา ที่จำลองบรรยากาศย้อนยุค สวมชุดไทย ห่มสไบ แลกเงินเบี้ยเพื่อซื้อของ เก๋ไก๋ไปอีกแบบ ถ่ายรูป เดินเที่ยว สนุกสนานแน่นอน

  1. จังหวัดสมุทรสงคราม

เป็นจังหวัดที่มีพื้นที่เล็กที่สุดในประเทศ ที่เที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดเลยก็คือตลาดน้ำอัมพวา ล่องเรือชมหิ่งห้อย ชมธรรมชาติป่าชายเลน นั่งทานอาหารริมน้ำ แม่ค้าพ่อค้าพายเรือขาย เดินช้อปปิ้งริมคลอง ไหว้พระที่วัดบางแคน้อย ชมกุฏิไม้อายุ 100 ปี ชิมปลาทูหน้างอคอหักของขึ้นชื่อแม่กลอง เที่ยวดอนหอยหลอด ชมธรรมชาติป่าชายเลน รับลมเย็นๆ ชมแมวไทยที่บ้านแมวไทยโบราณ เดินตลาดแบบตื่นเต้นกับตลาดร่มหุบ

โดยมีเอกลักษณ์คือ บางส่วนของตลาดตั้งอยู่บนทางรถไฟ เวลารถไฟมา พ่อค้าแม่ค้าก็จะเก็บของกันอย่างรวดเร็ว รถไฟจะวิ่งผ่านวันละ 8 รอบ รวมขาไปและขากลับ ถ้าจะเดินเล่น แนะนำให้มาช่วงเช้าถึงสายๆ เพราะตลาดวายเร็วมากจ้า ชมสถาปัตยกรรมอาสนวิหารแม่พระบังเกิด ซึ่งเป็นโบสถ์ที่มีความสวยงาม เก่าแก่ แต่สมบูรณ์ ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไม่มากนัก เที่ยวได้แบบไม่ต้องห่วงอะไรเลย

  1. จังหวัดนครปฐม

จังหวัดที่มีอาณาเขตอยู่ติดกรุงเทพมหานคร อยู่ห่างเพียงไม่ถึง 60 กิโลเมตร เที่ยวชมชิมช้อปที่ตลาดน้ำดอนหวาย ของกินเยอะมากกก แวะไหว้พระทีวัดไร่ขิง ชมการแสดงจระเข้ที่ฟาร์มจระเข้สามพราน ชมถนนสายสีชมพูกับดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน (มีเป็นช่วงฤดู ควรหาข้อมูลก่อนการเดินทาง) เดินชมรถโบราณเก่าๆ สวยๆ ถ่ายรูปเก๋ๆ ที่เจษฎาเทคนิคมิวเซียมจ้า ถ่ายรูปที่เมืองมายา เมืองจำลองสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ในรูปแบบฉากถ่ายหนัง  เสมือนอยู่ในภาพยนตร์จริงๆ

เยี่ยมชมพระราชวังสนามจันทร์ แวะสักการะพระร่วง ที่องค์พระปฐมเจดีย์ พระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดนครปฐม แวะมาองค์พระแล้วตอนค่ำๆ ต้องกินอาหารที่ตลาดโต้รุ่งหน้าองค์พระฯ ขอบอกว่าเด็ดมากๆ มีให้เลือกมากมาย ทั้งไอติมลอยฟ้า หอยทอดรสเด็ด ข้าวเหนียวมะม่วง มะม่วงน้ำปลาหวาน  ราดหน้า ขนมปังนึ่ง ฯลฯ รับรองว่าติดใจในรสชาติอย่างแน่นอน