อาร์เซนอล ผ่านพ้นเดือนสิงหาคมได้อย่างเหมือนฝัน พวกเขาชนะ 5 เกมรวด เก็บ 15 แต้มเต็มเข้ากระเป๋า แฟนๆ ก็เริ่มคิดไกลไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก

แต่อย่างว่าชีวิตย่อมทั้งสุขและปัญหาเข้ามาให้แก้ ซึ่ง “ปัญหา” ก็กำลังโถมเข้ามาหาอาร์เซนอลเช่นกัน

อาร์เซนอล ชนะ 3 นัดแรกด้วยชุดที่ดีที่สุด แต่พอนัด 4 ก็ต้องเปลี่ยน 2 ตำแหน่ง เนื่องจากโอลเคซานเดอร์ ซินเชนโก และ โธมัส ปาร์เตย์ บาดเจ็บ

พอก่อนเข้านัดที่ 5 มีข่าวร้ายเพิ่มขึ้นอีก โม เอลเนนีย์ เจ็บซ้ำไปอีกราย

และล่าสุดในเกมที่ชนะ แอสตัน วิลลา 2-1 หนึ่งในสิ่งที่แฟนๆ ไม่อยากเห็นที่สุดก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ มาร์ติน โอเดการ์ด โดนเสียบไปที่ข้อเท้าอาการดูไม่สู้ดี เช่นเดียวกับ แอรอน แรมส์เดล ที่ลงไปนอนเจ็บกล้ามเนื้อต้นขา แม้สุดท้ายเล่นจนจบก็ตาม

ผ่านไป 5 นัด จึงเดี้ยงไปแล้ว 5 ราย

ว่ากันว่าจะพิสูจน์ฝีมือผู้จัดการทีมว่าเก่งจริงหรือไม่นั้นก็ต้องวัดกันที่เกมยาวแบบลีกนี่แหละ

เพราะฟุตบอลถ้วย คุณเตะแค่ไม่กี่นัดก็อาจเป็นแชมป์ได้ แต่สำหรับเกมลีก สิ่งสำคัญที่สุดคือความสม่ำเสมอ แต่ความสม่ำเสมอนั้นทำได้ยาก เพราะมันจะมีปัญหาผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาตลอด 9 เดือน

นักเตะเจ็บบ้าง แบนบ้าง หรืออาจมีปัญหาเรื่องนอกสนามบ้าง ผู้จัดการทีมชั้นยอดจึงมีหน้าที่ตรงนี้ในการสลับสับเปลี่ยนให้ทีมมีผลงานที่ดีที่สุด แม้ในยามที่ไม่พร้อมที่สุดก็ตาม

เรื่องรูปแบบการเล่นก็เป็นอย่างที่แฟนบอลเห็นกันว่าอาร์เซนอลยกระดับขึ้นมาได้มาก แต่น่าสนใจกว่าว่า มิเกล อาร์เตตา จะวางแผนจัดทีมอย่างไรในแต่ละนัด

พวกเขาจะยังรักษาโมเมนตัมที่ดีต่อเนื่องหรือไม่ ยิ่งศัตรูรายต่อไปของการชนะ 6 เกมรวดคือคู่แข่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แถมต้องไปเล่นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด สังเวียนที่ลิเวอร์พูลก็เพิ่งบุกไปแพ้มาแล้ว

ส่วนตัวผมไม่ได้ตื่นเต้นว่าทีมจะชนะหรือไม่ แต่ตื่นเต้นอยากรู้ว่า อาร์เตตา จะวางหมากแบบไหน จะสั่งลูกทีมเล่นแบบไหน จะกระตุ้นกันมายังไง

ผลลัพธ์อาจเป็นสิ่งสุดท้ายของเกม 90 นาที แต่ระหว่าง 90 นาทีมันจะเป็นบทพิสูจน์ว่า อาร์เตตา คือยอดกุนซือคู่ควรกับฉายา “ลิตเติล เป๊ป” หรือไม่?.