แทบจะไม่มีใครเชื่อ จากเรื่องราวคดี อดีตทหารหญิง ออกมาร้องขอความช่วยเหลือถูกนายจ้าง ที่เป็น ส.ต.ท.หญิง ทำร้ายร่างกายอย่างรุนแรงทารุณกรรมหลากหลายรูปแบบ ทั้งทุบตีร่างกาย ใบหน้า ศีรษะไปจนถึงขั้นใช้เครื่องช็อตไฟฟ้า ฯลฯ ทนทุกข์ทรมานนานกว่า 2 ปี จนเธอทนไม่ไหว

เหตุเกิดทั้งที่บ้านพัก จ.ราชบุรี ไม่เว้นแม้ตอนไปท่องเที่ยวใน อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี มีหลักฐานบาดแผลตามร่างกาย ไปจนถึงคลิปตอนถูกทารุณกรรม ผู้เสียหายไปร้องทุกข์เปิดตัวเล่าเรื่องราวอันน่ารันทด ผ่านทางรายการ โหนกระแส 

สุดท้ายทำให้ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม อายุ 44 ปี ผบ.หมู่ กก. 4 บก.สันติบาล 1 ช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (ส่วนหน้า) ต้องติดต่อเข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองราชบุรี เบื้องต้นถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาหนักถึงขั้นผิด พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ รวมถึงยังถูกทางต้นสังกัดตั้งคณะ กก.สอบเอาผิดวินัยด้วย

ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม" รวมข่าวเกี่ยวกับ "ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม"  เรื่องราวของ"ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม"

จากคดีทำร้ายร่างกายแต่มันบานปลาย ยิ่งกว่า อาฟเตอร์ช็อก สะเทือนรุนแรงไปถึง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กองทัพบก รวมไปถึง สภาอันทรงเกียรติ เพราะเส้นทางชีวิตของ ส.ต.ท.หญิง ค่อนข้างไม่ธรรมดายิ่งนัก

สังคมถึงกับตะลึง สื่อมวลชนต่างช่วยกันขุดคุ้ยประวัติข้อมูลนำไปเสนอ ตีแผ่กันอย่างละเอียด!!

ไล่ตั้งแต่การเข้ารับราชการตำรวจ ตอนอายุ 39 ปี (อายุเกิน 35 ปี) ได้อย่างไร หน่วยงานแรกที่รีบออกมาแจงคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันเข้ามาตามขั้นตอน พ.ศ. 2560 ใช้วุฒิอนุปริญญา (ปวส.) สาขาบัญชี สังกัดสำนักงบประมาณและการเงิน ระบุหน่วยขาดแคลนวุฒิบัญชี จากนั้นย้ายไปสังกัด กก.4 บก.สันติบาล 1 นอกจากนี้ กอ.รมน.ภาค 4 (สน.) ซึ่งมีชื่อของ ส.ต.ท.หญิง ถูกดึงไปช่วยราชการระบุว่า มีชื่อมาจริงตอนปี 2564 แต่หลังมีคดีฉาวทำเรื่องส่งคืนต้นสังกัดทันที ในส่วนของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แม้จะมีเอกสารหลุดว่อนโซเชียลว่า ส.ต.ท.หญิง ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ประจำคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตฯ วุฒิสภา ยังคงนิ่งเงียบเพราะไม่ได้มีการระบุชื่อใคร

พรรคฝ่ายค้าน นำข้อมูลฉาวครั้งนี้ไปพูดในสภา เพื่อสะท้อนปัญหา ระบบอุปถัมภ์ การฝากพรรคพวกตัวเองเข้าทำงานราชการ รวมไปถึงประเด็น บัญชีผี มีชื่ออยู่ใน กอ.รมน.ภาค 4 (สน.) ภาคใต้ เพื่อให้ได้รับสิทธิพิเศษแต่ตัวไม่รู้อยู่ไหนนั้น และเชื่อมั่นยังมีลักษณะนี้อีกมาก ขณะที่ ภาคประชาชน ก็ไปยื่นเรื่องให้ ป.ป.ช. สืบสวนตรวจสอบแบบกราวรูด ทั้ง ตำรวจ, ทหาร, ส.ว. และ อดีต สนช. ว่าใครบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการ? ไล่ตั้งแต่ กรณีบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการ ตร.หญิง และทหารหญิง, การขอตัวทหารหญิงไปทำงานที่บ้าน, การดึงตัวไปช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 (สน.) ฯลฯ 

ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ปมฉาวโฉ่ไม่ได้กระทบเพียงภาพลักษณ์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่มันได้กลายเป็นการตีแผ่ลากไส้ระบบอุปถัมภ์ออกมาให้สังคมไทยได้เห็นว่า มันมีอยู่จริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เป็นเรื่องที่เค้าเล่าว่า

ลองเข้าไปดูในสังคมโซเชียลวิพากษ์วิจารณ์กันดุเดือดเลือดพล่าน ถึง ระบบอุปถัมภ์ ที่ฝังรากลึกมานานในสังคมไทย ยังมีบรรดา บิ๊ก ๆ คนมีสี บางกลุ่มเอาเปรียบสังคม จับเสือมือเปล่าอยากจะมีบ้านเล็ก ไม่ยอมลงทุนแต่อาศัยอำนาจบารมีของตัวเองพวกพ้อง หาช่องทางให้เข้ารับราชการ มีเงินเดือนงานมั่นคงไปตลอดชีวิต คงลืมไปว่าเงินเดือนที่ได้รับนั้นมาจากภาษีประชาชน

ถ้าเรื่องฉาวโฉ่ครั้งนี้ไม่โป๊ะแตก โดนตีแผ่ออกมา ถ้าไม่ถูกดำเนินคดี ชีวิตคงได้เติบโตก้าวหน้าในอาชีพตำรวจ วุฒิปริญญาตรีก็มีแล้วบวกสิทธิพิเศษลงไปทางในภาคใต้ ได้ติดดาวบนบ่าแน่นอน เชื่อว่าโมเดลนี้มีมานาน คงไม่ใช่รายแรก ๆ

นับเป็นอีกมุมสะท้อนออกมาให้เห็น 8 ปี หลังจากรัฐประหาร ให้สัญญาจะเข้ามาปฏิรูปสารพัดเรื่อง ได้คุมอำนาจดูแลรับผิดชอบทั้งตำรวจ-ทหาร แต่ปฏิรูปล้มเหลวไม่เป็นท่า!!

————————
เชิงผา