กลายเป็นไวรัลทันที เมื่อ รมว.ดีอีเอส ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สายตรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกโขยงไปตรวจงานเพื่อวางแผนเอาสายสื่อสาร (ล้านแปดสาย ประชด) ลงดินที่ถนนแห่งหนึ่ง หลังเป็นเหตุให้เกิดไฟช็อตแล้วไหม้บ้านเรือนที่อยู่ใกล้ ทั้งที่ชุมชนบ่อนไก่ คลองเตย วอดไปกว่าร้อยหลัง และร้านค้าสำเพ็ง เยาวราช ซึ่งมีคนเสียชีวิตในกองเพลิง เพราะหนีไม่ทันด้วย

นายชัยวุฒิ บอกว่า ทำเรื่องเอาสายสื่อสารลงดินร่วมกับผู้ว่าฯ กทม.คนเก่ามานานแล้ว ทำมาต่อเนื่อง แต่ “พีอาร์” ไม่เก่ง สู้ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่ได้ คนเลยนึกว่าไม่ทำงาน คงลืมไปว่า ตัวเองมีป้ายเบ้อเร่อมาต้อนรับ มีสื่อตามอีกหลายสิบ รวมทั้งอย่าลืมว่า นายชัยวุฒิเองเคยพยายามจะทำนโยบาย “ซิงเกิ้ลเกตเวย์” เพื่อควบคุมสื่อ “ดิจิทัล” ให้อยู่หมัด อ้างเพื่อต่อต้าน “เฟคนิวส์” แต่คนรู้ทันจนต้องล่าถอยในที่สุด พีอาร์ ในความหมายของนายชัยวุฒิ จึงไม่พ้น การโฆษณาชวนเชื่อที่รัฐกำหนด ไม่ใช่สื่อเสรีแบบโลกประชาธิปไตย

วกมาปัญหาสายสื่อสารที่มีมานานจนกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ขนาด รัสเซล โครว์ ถ่ายรูปขึ้นเฟซบุ๊กโชว์มาแล้ว บางแห่งพันพาดไปกับสะพานลอยข้ามถนนด้วยซ้ำ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้ต้องเผชิญเวรเผชิญกรรม ขี่มอเตอร์ไซค์มองไม่ทัน ถูกสายไฟที่เรี่ยราดลงมารัดคอ หวิดตายไม่รู้กี่คน ทุกครั้งที่ไมค์จ่อปาก ชาวบ้านฟ้องสื่อว่า ร้องเรียนไม่รู้กี่หน่วยแล้ว แต่ส่วนใหญ่บอกไม่ใช่หน้าที่?!?

ในที่เกิดเหตุไฟไหม้ ชัชชาติบอกผ่านไลฟ์ว่า การแก้ปัญหา สายสื่อสารมี 2 อย่าง คือ จัดระเบียบ ตัดสายที่ตายและไม่ได้ใช้ออกไปก่อนเลย ซึ่งเริ่มทำได้ทันที อีกส่วนคือ เอาสายลงดิน ซึ่งต้องเป็นแผนระยะยาวลงทุนเยอะ ต้องทำร่วมกับหลายหน่วย ทั้งรัฐ-เอกชน รวมทั้ง กสทช.ที่นายชัยวุฒิดูอยู่ด้วย มากกว่านั้นระหว่างวิ่งออกกำลัง ก็เกิดความคิดว่า จะใช้ พ.ร.บ.ความสะอาดของ กทม.ไปบีบให้เอกชนมาขออนุญาตก่อนติดตั้งสายไฟ…จะได้หรือไม่

ใครไม่รัก “ชัชช่า” ก็บ้าแล้ว

วิธี ทำงาน ทำงาน ทำงาน ที่มองแล้วเหมือนไม่มีอะไร แค่ไปดูถึงพื้นที่ แล้วมีไลฟ์สดที่ถูกอีกฝ่ายแซะว่า สร้างภาพไปวัน ๆ ในความจริงแล้วคือ การมองขาดปัญหาต่างหาก มันมองออกว่ากึ๋นน่ะมีแค่ไหน ก็จากสิ่งที่ “ผู้นำ” สื่อสารออกสู่สาธารณชนนี่ล่ะ เหมือนขาวกับดำ ไม่ซับซ้อนอะไรเลย

มันน่าคิดว่า ชัชช่า มีมือถือ 2-3 ตัว มีแอดมินเพจชื่อ หมู ที่บางทีก็วิ่งจนหอบ ตามผู้ว่าฯ ไม่ทัน ขณะที่งบทำพีอาร์ โฆษณาชวนเชื่อ ผลงานผู้นำและ รัฐบาลทหาร 3 ปี แค่กรมประชาสัมพันธ์หน่วยเดียว ก็ปีละ 2 พันกว่าล้าน 8 ปี คือ 1.6 หมื่นล้านแล้ว ไม่นับรวมสื่อรัฐ วิทยุ ทีวี และการทำ “ไอโอ” ของกองทัพ ที่ “อวย” จนอินสตาแกรม เอามาแฉ แล้วทำไมประชาชนไม่รับรู้ถึงผลงานของผู้นำที่พร่ำบอกว่า ตัวเองทำงานหนักจนไม่มีเวลาพัก มองหน้าต่างรถทีไร ก็คิดถึงแต่ความทุกข์ยากของคนในแผ่นดิน

ทำไม ประชาชนนึกถึงผลงานโบแดงของผู้นำเก่งที่สุดในโลกไม่ออก นอกจาก แจกเงิน แจกเงิน และแจกเงิน กับหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงเกิน 90% ของจีดีพี และรอวันระเบิดในไม่ช้านี้

ล่าสุด ประชุมแก้ปัญหาวิกฤติพลังงาน-ของแพงและการขาดแคลนอาหารที่จู่ ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ก็โยนให้ “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.) เป็นเจ้าภาพ ผลคือ นอกจากมาตรการที่ทำไปแล้ว ที่ได้จริง ๆ คือ คณะกรรมการ 2 ชุด 1.คณะกรรมการเฉพาะกิจบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ มีนายกฯ เป็นประธาน ทั้งที่นายกฯ คือหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็น “ซิงเกิ้ลคอมมานด์” อยู่แล้วไม่ใช่หรือ และ 2.คณะกรรมการเฉพาะกิจติดตามประมวลผลวิเคราะห์ผลกระทบและจัดทำข้อเสนอแนะแก้ปัญหาทุกมิติ มี ปลัดคลัง เป็นประธาน…แค่ชื่อก็เหนื่อยแล้ว

ถ้าตั้งคณะกรรมการแล้วแก้ปัญหาได้ ไทยคงเจริญเป็นชาติแล้ว ที่นายกฯ เป็นประธานก็ร้อยชุดแล้วอย่างที่บอก สิ่งที่สื่อสารออกมา บอกถึง “กึ๋น” ของผู้นำว่ามีของ หรือกลวง ไร้ฝีมือ หรือไม่ ก็นั่นล่ะ ถ้าเจ๋งจริงคงไม่ต้องดิ้นรนหาทางแก้ “ปาร์ตี้ลิสต์” ให้กลับไปหาร 500 แทนที่จะเป็น 100 ตามหลักการบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แล้วเกณฑ์คนใส่เสื้อดำ “….ห้าร้อย” มาเชียร์เหยง ๆ เพื่อให้การเมืองเละตุ้มเป๊ะ กวาดต้อน “พรรคปัดเศษ” มาอยู่ในคอกรับกล้วย ดับฝัน “แลนด์สไลด์เพื่อไทย” จะได้อยู่ต่ออีก 4 ปีข้างหน้า

ตั้งแต่รัฐประหารปล้นอำนาจมาจนกระทั่งบัดนี้ อัปยศแล้วอัปยศอีก ไม่ละอายใจบ้างเลยหรือ?!?

———————–
ดาวประกายพรึก