เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นางสว่าง สายคำพา อายุ 62 ปี และนายวิชาญ สายคำพา อายุ 54 ปี น้องชาย ชาวบ้านดงหนองหลวง หมู่ 7 ต.เขมราฐ อ.เขมราฐ จ.อุบลราชธานี เดินทางมาขอพบ นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.อุบลราชธานี พร้อมถือป้ายระบุข้อความ “พ่อเมืองอุบลฯ ช่วยด้วย ป้าถูกนายทุนออกเอกสารสิทธิทับที่ซ้อน ศาลฎีกาตัดสินแล้วออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะทวงความยุติธรรมคืนความสุขให้ป้าด้วย” จากนั้นยืนร้องไห้ ก้มกราบพื้นทางขึ้นศาลากลางจังหวัด ท่ามกลางชาวบ้านที่มาติดต่อราชการยืนดูด้วยความสงสาร

ต่อมามีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ออกมาสอบถามข้อมูลเบื้องต้น นางสว่าง เล่าทั้งน้ำตาว่า หลังจากบิดาคือนายหวาง สายคำพา ซึ่งเป็นผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือจับจอง (น.ส.2) รวม 80 ไร่ โดยได้จับจองไว้ตั้งแต่ พ.ศ.2506 ต่อมาบิดาเสียชีวิตลงเมื่อปี พ.ศ.2518 บุตร 4 คน ประกอบด้วย ตน นายอนิรุต สายคำพา นายวิชาญ สายคำพา และนายสมาน สายคำพา ได้ยื่นเรื่องขอรับโอนมรดกที่ดินดังกล่าว และทำกินมาโดยตลอด ต่อมาในปี พ.ศ.2547 ลูกๆ ได้ยื่นขอออก น.ส.3 ก. จากสำนักงานที่ดิน อ.เขมราฐ และทราบจากเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินว่า ที่ดินส่วนหนึ่งประมาณ 40 ไร่ มีการออกเอกสารเป็น น.ส.3 ก. แล้ว ทุกคนต่างก็ตกใจว่ามีการออกเอกสาร น.ส.3 ก. ทับซ้อนได้อย่างไร

นางสว่าง เล่าต่อว่า จากนั้นทางญาติพี่น้องจึงใช้สิทธิทางกฎหมายเป็นโจทย์ ยื่นฟ้องศาลกับผู้ที่ทำเอกสารเท็จไปยื่นกับสำนักงานที่ดินออกเป็น น.ส.3 ก. จำนวน 6 ราย โดยศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และ ศาลฎีกา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.2555 ให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบแล้ว และหลังทางญาติพี่น้องก็ยังไม่ได้ดำเนินการเกี่ยวกับการยื่นบังคับคดีเพื่อเพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบ เพราะว่านายอนิรุต และนายสมาน น้องชาย ได้เสียชีวิตลง นอกจากนี้ตนก็มีคดีความถูกศาลตัดสินจำคุก เนื่องจากหลงผิดไปรับจ้างขนยาบ้าเพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่ผ่านมา เมื่อออกมานายวิชาญ น้องชาย ก็เล่าให้ฟังว่า ที่ดินแปลงที่ถูกนายทุนออก น.ส.3 ก. ทับที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่ขณะเดียวกันก็ยังเข้าไปสร้างบ้าน ทำสวน ทำไร่ และทำบ้านจัดสรรอีกด้วย ตนและน้องชายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากไม่มีที่พึ่ง จึงตัดสินใจพากันมาร้องขอความช่วยเหลือดังกล่าว

ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี ภายหลังสอบถามข้อมูล ได้นำเอกสารหลักฐานเตรียมดำเนินการเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาให้ความช่วยเหลือ โดยจะทำหนังสือไปถึงสภาทนายความ เพื่อให้ทนายความทำคำร้องแทนผู้ร้อง ไปยื่นทำคำร้องที่ศาลในการบังคับคดี ตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ให้เพิกถอน น.ส. 3 ก. ที่ออกโดยมิชอบ โดยมียุติธรรมจังหวัดอุบลราชธานีเข้ามาช่วยในเรื่องข้อกฎหมายต่อไป