นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ (30 มี.ค.) ที่ระดับ 33.54 บาทต่อดอลลาร์แข็งค่าขึ้น จากระดับปิดวันก่อนหน้า ที่ระดับ 33.64 บาทต่อดอลลาร์ โดยผู้เล่นในตลาดการเงินต่างเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากที่ล่าสุด การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครนมีความคืบหน้ามากขึ้นมากที่สุด นับตั้งแต่มีการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้น มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.45-33.70 บาทต่อดอลลาร์

โดยฝั่งรัสเซียก็พร้อมจะลดระดับปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่รอบเมืองหลวงยูเครนลงอย่างมาก และพร้อมยอมรับเงื่อนไขเป็นกลางของยูเครน ขณะเดียวกัน ทางฝั่งยูเครนได้มีการเปิดเผยรายละเอียดเงื่อนไขการเป็นกลางที่ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งภาพดังกล่าวอาจนำไปสู่การเจรจาระหว่างผู้นำของสองประเทศและอาจยุติสงครามได้ในที่สุด

สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ ตลาดจะรอติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% เพื่อประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางทิศทางเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ประเด็นที่ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจ คือ การปรับประมาณการแนวโน้มเศรษฐกิจ ว่าจะมีการปรับประมาณการแย่ลงขนาดไหน ซึ่งคาดว่า อาจมีการปรับลดอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในปีนี้สู่ระดับ 3.0% สอดคล้องกับมุมมองของบรรดานักวิเคราะห์ พร้อมกับปรับเพิ่มค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อในปีนี้สู่ระดับ 3.5%-4.0% ตามแนวโน้มเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์และระดับฐานราคาสินค้าที่ต่ำในปีก่อนหน้า และที่สำคัญ ตลาดจะรอลุ้นว่าจะมีการปรับประมาณการ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึง ดุลบัญชีเดินสะพัดแย่ลงขนาดไหน เพราะการปรับคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ก็อาจเป็นปัจจัยที่กดดันค่าเงินบาทในฝั่งอ่อนค่าได้

ขณะที่สถานการณ์สงครามและการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หลังจากที่ล่าสุด การเจรจาระหว่างสองฝ่ายมีความคืบหน้ามากขึ้น ทำให้ตลาดต่างคาดหวังว่าการเจรจาสันติภาพจะช่วยยุติสงครามได้ในที่สุด

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาท มองว่า เงินบาทยังคงผันผวนในกรอบกว้าง แม้ว่าจะได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าจากภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาด ท่ามกลางความหวังการเจรจาสันติภาพ แต่ทว่า ระหว่างวัน โดยเฉพาะในช่วงตลาดรอลุ้นและรับรู้ผลการประชุม กนง. เงินบาทอาจเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าได้ หาก กนง. มีมุมมองที่แย่ลงต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะหากมีการปรับลดประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างมีนัยยะสำคัญ

อย่างไรก็ดี มองว่า เงินบาทยังติดแนวต้านสำคัญในโซน 33.75 บาทต่อดอลลาร์ อยู่ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติได้ทยอยกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน แรงขายบอนด์ระยะสั้นของนักลงทุนต่างชาติก็มีไม่มากนัก คาดแนวรับของเงินบาทอยู่ในช่วง 33.40-33.50 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่บรรดาผู้นำเข้าต่างรอทยอยซื้อเงินดอลลาร์ รวมถึงบริษัทต่างชาติญี่ปุ่นอาจเข้ามาทำการแลกเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในช่วงปิดปีงบประมาณของญี่ปุ่น