เมื่อวันที่ 23 มี.ค. รศ.ดร.ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผอ.สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า จากปรากฏการณ์ของโรคอุบัติใหม่ที่เกิดขึ้น ต้นตอของโรคส่วนใหญ่มักจะเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (สทน.) จึงได้ศึกษาการนำเทคโนโลยีขั้นสูงคือ เทคโนโลยีพลาสมา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ ปราศจากสารตกค้าง และมีความปลอดภัยสูง เพื่อนำมาใช้ในการฆ่าเชื้อแทนสารเคมี  สามารถนำไปใช้อุตสาหกรรมหลาย ๆ ประเภทได้ สทน. ได้พัฒนาเครื่องต้นแบบสำหรับใช้ฆ่าเชื้อในผัก ผลไม้ และช่วยในการบำบัดน้ำเสียได้ ขณะนี้กำลังวิจัยและพัฒนาเครื่องต้นแบบ เพื่อขยายผลนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม

ทางด้านนายสมศักดิ์ แดงติ๊บ ผู้จัดการศูนย์วิศวกรรมและเทคโนโลยีนิวเคลียร์ชั้นสูง สทน. เปิดเผยว่า สทน. ได้พัฒนาเครื่องกำเนิดพลาสมาต้นแบบ 2 เครื่อง เครื่องแรกมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และลดสารเคมีที่ตกค้างในพืชผัก และผลไม้ โดยใช้น้ำประปาทั่วไปมาเปลี่ยนคุณสมบัติโดยผ่านกระบวนการด้านพลาสมา ทำให้โมเลกุลหรืออะตอมของน้ำเกิดการแตกตัว เมื่อเกิดการแตกตัวจะเกิดพลังงานที่สูงกว่าปกติ และพลังงานที่สูงกว่าปกติสามารถทำให้คลอรีนที่อยู่ในน้ำเกิดปฏิกิริยากับน้ำ กลายเป็นกรดไฮโปคลอรัส ซึ่งเป็นกรดอ่อนที่มีคุณสมบัติในการกำจัดไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา รวมถึงสปอร์ของเชื้อราได้ และมีความว่องไวในการกำจัดจุลินทรีย์ที่ปนเปื้อนในผัก ผลไม้ และเนื้อสัตว์ได้ 

สำหรับเครื่องที่สอง เป็นเครื่องกำเนิดพลาสมาที่นำไปใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสีย โดยกระตุ้นให้เกิดพลาสมาในน้ำ ซึ่งจะทำให้เกิดอนุมูลบางตัว เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ไฮดรอกซิล ไนเตรต ไนไตรต์ ซึ่งอนุมูลเหล่านี้มีความว่องไวในการเข้าไปกำจัดสารเคมีที่อยู่น้ำเสียออก หรือลดให้มีความอันตรายลง คล้ายกับกระบวนการที่เกิดขึ้นในผัก แต่แทนที่จะเกิดที่ผิวของผัก ผลไม้ มันจะเกิดขึ้นกับคุณสมบัติของน้ำโดยตรง 

สำหรับเครื่องทั้งสองแบบนี้ สามารถพัฒนาเพื่อนำไปใช้ได้ทั้งในระดับครัวเรือนและในภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร โดยเป็นขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการบำบัดที่ใช้ตามปกติ สามารถใช้กำจัดเชื้อโรคและสารเคมีได้ทั้งต้นทาง คือ การชำระล้างผัก ผลไม้ หรือเนื้อสัตว์ เพื่อกำจัดจุลินทรีย์ก่อนที่จะบรรจุหีบห่อ หรือการนำไปใช้ปลายทาง คือ การบำบัดน้ำเสียจากกระบวนการผลิต เพื่อให้น้ำมีคุณภาพดีขึ้น ก่อนที่จะนำกลับมาใช้ใหม่หรือปล่อยออกสู่สิ่งแวดล้อม จะช่วยลดระยะเวลาและลดต้นทุนดำเนินการในการกำจัดจุลินทรีย์และสารเคมีในกระบวนการผลิตได้ เป็นการเพิ่มความปลอดภัยในสิ่งแวดล้อม และยกระดับความปลอดภัยของอาหารให้สูงขึ้น

ปัจจุบันมีภาคอุตสาหกรรม 2-3 แห่ง ให้ความสนใจที่จะร่วมพัฒนาเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหกรรม 
นอกจากนี้ สทน. ยังมองไปถึงการนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยผลิตพลาสมาในรูปแบบที่เป็นแก๊สแล้วนำแก๊สพลาสมาไปกำจัดแก๊สที่ไม่ต้องการในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแก๊สหรือน้ำมัน หรือในบางอุตสาหกรรมที่มีปัญหาสารเคมีที่ส่งกลิ่นเหม็น สามารถนำสารเคมีเหล่านั้นผ่านเครื่องกำเนิดพลาสมาเพื่อกำจัดกลิ่นได้ ขณะนี้ สทน. ได้พูดคุยกับภาคอุตสาหกรรมบางรายแล้ว หากตกลงกันได้ จะนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยี แต่ทั้งนี้จะไม่ใช่การนำเทคโนโลยีพลาสมาไปใช้แบบโดด ๆ จะต้องมีการใช้ควบรวมกับเทคโนโลยีอย่างอื่นด้วย โดย สทน. จะต้องเข้าไปร่วมพัฒนากับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

.