แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีอันต้องจอดป้ายแค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้นนะครับ หลังโดน แอตเลติโก มาดริด บุกสอยคารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 1-0 ในเกมนัด 2 ส่งให้ “ตราหมี” คว้าชัยไปด้วยประตูรวม 2 นัด 2-1

            เกมนี้ ราล์ฟ รังนิก ตัดสินใจปรับทีมจากเกมเปิดบ้านเชือด สเปอร์ส 3-2 ถึง 3 ตำแหน่ง โดยส่ง บรูโน แฟร์นันด์ส และสกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ลงมาปั้นเกมในแดนกลางแทน เนมานยา มาติช และปอล ป็อกบา ขณะที่ แอนโธนี อีลังกา ได้ลงมาเล่นเป็นตัวริมเส้นฝั่งขวาแทน มาร์คัส แรชฟอร์ด

            ส่วนรูปเกมแม้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะเป็นฝ่ายครองบอลบุกทำเกมได้มากกว่า แต่ดูจะสร้างโอกาสเข้าทำได้ไม่มากเท่าที่ควร

โอกาสที่ใกล้เคียงจะเป็นประตูมากที่สุดของ ผีแดง มีเพียง 2 ครั้งคือจังหวะที่ แฟร์นันด์ส ผ่านบอลให้ อีลังกา พุ่งเข้าชาร์จไปติดหน้าของ ยาน โอบลัค ในช่วงต้นครึ่งแรก และจังหวะที่ ราฟาแอล วาราน ขึ้นโหม่งไปติดเซฟของ โอบลัค อีกครั้งในครึ่งหลัง

            ส่วน คริสเตียโน โรนัลโด ที่เพิ่งทำแฮตทริกมาในเกมเชือด “ไก่เดือยทอง” ก็โดนแนวรับของ แอตฯ มาดริด ตามล็อกจนแทบจะหายตัวไปจากเกมเลยทีเดียว

            นอกจากเกมรุกจะฝืดสนิทแล้ว เกมรับก็ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ของอสูรแดงเหมือนเดิม โดยเฉพาะจังหวะที่พลาดท่าเสียประตูโทนของเกมให้ แอตฯ มาดริด เห็นได้ชัดเจนว่า ดีโอโก ดาโลต์ เอาแต่มองบอลจากลูกเปิดเข้ากลางของ อองตวน กรีซมันน์ โดยไม่ได้เฉลียวใจเลยว่ามี เรนาน โลดี ที่พุ่งสอดเข้ามาจากด้านหลังก่อนจะโขกบอลผ่านมือ ดาบิด เด เคอา เข้าไปได้อย่างสวยงาม

            แถมไม่กี่อึดใจก่อนเสียประตู นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ยังโชว์ความไม่เดียงสาด้วยการเอาแต่โวยวายใส่ สลาฟโก วินซิช เชิ้ตดำชาวสโลวีเนีย ที่ไม่ยอมเป่าฟาวล์ในจังหวะที่ อีลังกา โดน เรนิลโด เหนี่ยวจนล้มไปกองกับพื้นก่อนที่ แอตฯ มาดริด จะได้บอลทำเกมสวนกลับมาจนได้ประตูขึ้นนำในที่สุด   

            จังหวะดังกล่าวไม่ว่า อีลังกา จะถูกทำฟาวล์จริงหรือไม่ สิ่งแรกที่นักเตะแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องทำก็คือก้มหน้าก้มตาเล่นต่อไปจนกว่าผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหยุดเกมเหมือนที่นักเตะแอตฯ มาดริด ไม่ยอมหยุดเล่นจนกระทั่งได้ประตูขึ้นนำ   

            จากการกระเด็นตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด จะจบฤดูกาลแบบมือเปล่าเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแน่นอนแล้ว โดยแชมป์ล่าสุดที่พวกเขาคว้ามาประดับตู้โชว์ที่ “โรงละครแห่งความฝัน” ได้สำเร็จก็คือแชมป์ ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2016/2017 นู่นเลย

ส่วนเป้าหมายที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของ รังนิก และลูกทีมในฤดูกาลนี้ก็คือการพยายามตะกายขึ้นมาจบในอันดับท็อป 4 ให้ได้ ซึ่งเมื่อมองจากสถานการณ์ล่าสุด และฟอร์มของคู่แข่งอย่าง อาร์เซนอล ที่แข่งน้อยกว่าพวกเขาถึง 3 นัด แถมยังมีแต้มนำหน้าอยู่อีก 1 คะแนนแล้ว เรียนตามตรงว่า มีโอกาสน้อยเหลือเกินที่เราจะได้เห็น แมนฯ ยูไนเต็ด ได้กลับมาโชว์ฝีเท้าในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งในฤดูกาลหน้า.

แท ยอน