ทำเอาหลายคนข้องใจกับการสูญเสียดาราสาว แตงโม นิดา และยังช่วยกันออกมาหาความจริงและปกป้องเธอ รวมไปถึงอดีตคนรู้ใจที่กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต๊งค์ พงศกร และ พชร์ อานนท์ ที่เคยร่วมงานและมีข่าวคราวมากมายกับแตงโม ได้ออกมาพูดในมุมมองของเรื่องนี้ทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW แบบหมดเปลือก

แต๊งค์ เผยว่า “ทราบข่าวตอนผมกำลังจะนอน กำลังเอาลูกเข้านอน เมียมาสะกิด มันมีคนทวีตว่าดาราแฟนเก่า แต๊งค์ พงศกร ตกเรือ มีอุบัติเหตุ แตงโมหรอ ผมก็ตกใจ ไถโทรศัพท์ดูเช็กข่าวทั้งคืน พอยืนยันแล้วว่าเป็นข่าวจริง รีบติดต่อไปที่กระติก เพราะตัวผมเองก็สนิทกับกระติกด้วย รู้จักมาพร้อมแตงโม 10 กว่าปีได้แล้ว โทรฯ ไปติดเค้ารับสาย โทรฯ ไปตอนเที่ยงคืนตี 1 แล้ว เค้าตอบผมกลับมาว่าเค้ากำลังออกจากท่าเรือ น้ำเสียงเป็นปกตินะ ยังไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจริง ณ ตอนนั้นตกจริงหรือเปล่า พวกนั้นมันตกใจกันไปเองหรือเปล่า น้องอยู่ไหนตอนนั้น ไม่มีอะไรในหัวคิดไม่ออกสำหรับผมนะ พอผมได้ยินว่ากูออกจากท่าเรือแล้วเดี๋ยวกูโทรฯ หานะ เราไม่รู้ว่าอาจจะเจอแล้ว น้ำเสียงไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่โตเหมือนกับปลอดภัยแล้ว มันมีอะไรจะเล่าให้ฟังประมาณนี้ เราก็รอตั้งใจรอว่าเมื่อไหร่มันจะโทรฯ กลับมา เราก็ติดตามข่าวเรื่อยๆ ก็ยังไม่เจอ มีอย่างเดียวคือน้ำเสียงรีบๆ เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอไป”

“หลังจากกระติกวางสายผมก็ตามข่าว ไถโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ ภรรยาก็ช่วยไถบอกโน่นนี่นั่นไปเรื่อย สุดท้ายมันมาเริ่มผิดสังเกตจริงๆ ทำให้ใจเราเริ่มแป้ว คือตอนที่คุณแม่ของน้องแตงโมมาออกสื่อ ที่เค้าพูดว่ากระติกไม่ติดต่อเค้าเลย มันผิดปกติละ ถ้าลูกเค้าหายไปจริงๆ คือควรติดต่อครอบครัวก่อน หรือถ้าจะล้อเล่นกันจริงๆ ไม่ควรเล่นแรงกันถึงแม่ พอลูกเค้าหายไปจริงๆ ผมโพสต์อันนี้เป็นคืนก่อนวันที่เราจะพบร่างของน้องโม ผมโพสต์ข้อความนี้ ณ ตอนนั้นข่าวออกมาแล้วว่าน้องโมหายมันเป็นคืนที่ 2 ที่มีการค้นหากัน เราจะเห็นในพวกภาพกราฟิกต่างๆ ที่เค้าพยายามแสดงให้เราดู มันจะมีชื่อของคน 3 คน แต่ชื่ออีก 2 คน มันผิดกับอุบัติเหตุอื่นที่เค้าจะให้ข้อมูลกันเต็มที่ ผมโพสต์ไปไม่ถึง 1 ชั่วโมง มีการติดต่อมาจากกระติก โทรฯ มาหาผม เริ่มต้นอธิบายทุกอย่าง ทุกคนรู้ว่าฟังครั้งแรกมันรู้สึกยังไง มันรับไม่ได้ มันไม่น่าเชื่อถือ”

แต๊งค์ เล่าต่อว่า “ผมให้เกียรติน้องโม เราไม่อยากจะคิดในแง่ลบในเรื่องที่ไม่ดี ผมไม่อยากจะคิดเลย ผมคิดแต่ว่าทำไมพวกคุณถึงไม่ให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือตั้งแต่แรก กระติกให้ลบโพสต์ จริงครับ ในการอธิบายของเค้า เค้าจะสอดแทรกไปด้วยคำพูดที่บอกว่า มึงลบเหอะ มึงลบโพสต์นี่ออกเหอะ กูขอร้อง ผมเอะใจ และผมไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมายอมเชื่อ ถ้าเกิดพูดให้ผมเชื่อได้ผมอาจจะยอมลบให้หรือผมถามถึง 2 คนนั้น แล้วยอมบอกชื่อจริง อธิบายว่าเป็นใคร เค้าไม่พูดถึงไม่อธิบาย เค้าบอกปัดตอนแรกว่าเป็นรุ่นน้อง บอกตอนหลังว่าเป็นคนที่รู้จักกันไม่ถึงวัน เรื่องปัสสาวะท้ายเรือ ตัวผมเองในฐานะที่เคยสนิทมาก ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ ของโมหลายคนคิดว่า ถามว่าโมกล้าไปฉี่มั้ย โมเป็นคนที่ไม่ใช่คนขี้อายอยู่แล้ว ผมอาจจะมองต่างคนอื่น เค้าไม่อายอยู่แล้ว ถ้าเค้าจะฉี่เค้าบอกเลย บอกทุกคน มันยิ่งสำคัญว่าถ้าคุณจะฉี่แล้วมีผู้ชายอยู่บนเรือยิ่งต้องบอก ถ้าฉี่อยู่ผู้ชายเดินมาทำไงถูกมั้ย คุณต้องบอกเพื่อนพาผู้ชายไปอยู่หน้าเรือก่อน”

“เรื่องนิสัยกระติก ก่อนจะเกิดเหตุการณ์แล้วกันนะครับ ตอนนี้หลังเกิดเหตุการณ์ผมไม่รู้จักแล้วว่าเป็นคนยังไง ที่ผ่านมา 10 ปี เค้าอยู่กับแตงโมเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมา มีกระทบกระทั่งกันบ้าง มีดุมีด่ากันบ้าง ผมจะมองว่าแตงโมเค้าเป็นคนที่ช่วยเหลือคนรอบตัวตลอดเวลาอยู่แล้วแม้กระทั่งตัวกระติกเอง อย่างลูกสาวกระติก คนในวงการรู้เรื่องอยู่แล้วว่าเป็นมายังไง แตงโมก็ดูแลรับเลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูก คือเอาตัวกระติกไปทำงานกับเค้า เป็นผู้จัดการ มีรายได้ รวมไปถึงญาติๆ ของกระติกอีก ที่เข้ามาทำงานในบ้านโมด้วย ผมรู้สึกผิดหวังมากเลยตรงที่ว่าทำไมพวกคุณถึงไปเข้าข้างกันเองคนบนเรือ แทนที่จะคิดถึงคนที่ช่วยเรามา พอเค้าลำบาก เค้าตกน้ำ ทำไมไม่อยู่ช่วยกันให้ข้อมูลเต็มที่ก่อน เสียใจมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่ากระติกเค้าไปทำเรื่องรับงานอะไรมั้ย หรือบนเรือเกิดอะไรขึ้น กระติกปิดปากไม่ยอมรับความจริงเนี่ย ผมไม่ขอไปก้าวล่วงให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ หน้าที่ของสังคมให้ช่วยกันสืบต่อไป ผมเองก็ทำได้แต่ดูตามสื่อเหมือนกัน”

พชร์ เผยว่า “รู้ข่าวตอนแรกไม่เชื่อ ตอนนั้นพี่อยู่ที่เชียงใหม่ มีคนส่งข้อความมาว่าแตงโมตกน้ำที่เจ้าพระยา เราไม่เชื่อไลน์ไปถามผู้จัดการของมดดำว่าจริงหรือปล่าว เค้าบอกว่าจริง เราก็คิดอีกอย่าง เพราะว่าแตงโมเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว เราคิดว่าเค้าเล่นหรือเปล่า ตอนนั้นยังไม่รู้ยังไม่มีข่าวไรมาก คืนวันพฤหัส เราก็ไม่ได้เชื่ออะไร พอตื่นเช้ามา เค้าก็ยังจะออกตามหาที่เป็นข่าว เราก็โทรฯ หากระติก แต่กระติกไม่ได้รับ โทรฯ หา 2 ครั้ง เพราะเราก็อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง เจอแตงโมมั้ย ในใจเราคิดว่าขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย แตงโมเป็นคนขี้เล่นสนุกสนาน เราก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ เราก็คิดไปเรื่อยๆ ขออย่าให้เป็นแบบที่เราคิด อยู่ไหนก็ได้ ขอให้เค้ารอดออกมา เราก็สนิทเคยทำงารด้วยกันก็ภาวนา พอเรารู้ก็ถามแอนนาไปอีกรอบว่าเจอหรือยัง แอนนาบอกยังไม่เจอพี่ รู้สึกว่าจะมาเจอวันเสาร์ตอนบ่าย เท่านั้นเราก็รู้เลย”

“ครั้งแรกเห็นคำสัมภาษณ์ ตอนแรกที่ทราบข่าวว่าไม่ได้อยู่ดูเรารู้สึกว่าแปลกๆ เป็นเพื่อนกัน กระติกเป็นเพื่อนที่แตงโมรักมาก เคยถามแตงโมว่าทำไมเปลี่ยนผู้จัดการ เค้าบอกคนนี้เพื่อนรักแตงโมมาก ใครว่ากระติกไม่ได้แตงโมจะออกตัวช่วยตลอด เราเคยเจอเค้าไปที่กองถ่าย เรารู้สึกว่าทำไมกระติกไม่ได้รักแตงโมเหมือนที่แตงโมรัก เวลาเค้าพูด เพื่อนเสียไปทั้งคนบนเรือเป็นเรา เราไม่ได้อยู่เฉยแล้วต้องหาวิธีช่วย ไม่กลับ เราต้องช่วยให้ถึงที่สุดเพื่อนเราทั้งคน ถ้าพี่อยู่วันนั้นพี่ไม่กลับ พี่ไม่กลับอยู่แล้ว ก็ต้องหาให้เจอ ไม่เจอก็ต้องเฝ้าอยู่ตรงนั้น ถ้าเป็นพี่นะ พี่รู้สึกว่าทั้งกลุ่มเลยเค้าไม่สมควรไปจากตรงนั้นด้วยซ้ำ ไม่สมควรหนี ต้องชี้ให้ดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นบอกพวกนักประดาน้ำ ไม่ใช่หายไปที่อู่ต่อเรือซึ่งมันไม่ได้มันไม่ใช่”

พชร์ เล่าต่อว่า “ถามว่าน้องกล้าปัสสาวะท้ายเรือไหม มันก็ไม่แน่ เราไม่ได้อยู่บนเรือเราอาจจะคิดไปเอง มันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่แตงโมไปฉี่ก็ได้ เค้าจอดข้างทางก็ขอขึ้นไปฉี่ตามท่าเรือได้ ในความรู้สึกแตงโม มันไม่น่าเดินไปฉี่ตรงนั้น ชุดมันก็ไม่ได้ถอดง่ายๆ นะ นักข่าวเค้าอยากให้คุณจ๊อบใส่เสื้อผ้าตัวที่เกิดเหตุ คุณจ๊อบก็ถอด แล้วนักข่าวไปเห็นรอยขีดข่วน รอยช้ำ มันต้องมีลับลมคมใน ไม่อย่างนั้น 5 คน ไม่ทำตัวน่าสงสัยถึงขนาดนี้ มันต้องมีอะไรแปลกๆ ไปแน่นอน กระติกที่เค้าพูดว่าถ้าเพื่อนตายเค้าก็ขาดรายได้ มันไม่น่าจะออกมาจากเพื่อนที่แตงโมรักมาก พี่โมโหแทนเลย เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่ละ”

“กระติกเป็นคนยังไงเหรอ การรับงานเขาเป็นคนนิสัยกะเทย แตงโมก็นิสัยกะเทย เพื่อนกะเทยเค้าเยอะเค้าจะสไตล์พูดเล่น แต่กระติกมันไม่ค่อยพูด รู้สึกมันต้องมีอะไรแน่นอน แต่บนเรือเราก็ไม่ได้ไปอยู่กับเค้า ไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรมันเป็นยังไง ทุกคนปิดบังมั้ย ต้องรอให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ไม่งั้นมันจะสู้คดีกันยาก มันต้องขึ้นศาลแน่นอน เพราะว่าศาลเค้าเชื่อหลักฐาน เราต้องรอดูกันต่อไป อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไร แต่เราก็ช่วยกันส่งแตงโมให้เค้าไปดี ไปแบบสวยๆ อะไรที่ไม่น่าพูดถึง พี่ว่าก็ไม่น่าพูด ทำร้ายจิตใจน้องเปล่าๆ”