ธุรกิจการส่งอาหาร-สิ่งของแบบเร่งด่วน หรือ Delivery Service กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ซึ่งเป็นการตอบโจทย์วิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal ได้อย่างลงตัว ส่งผลให้ 2- 3 ปีที่ผ่านมา การใช้รถมอเตอร์ไซค์ กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ก็กำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ถือเป็นการตอบโจทย์ทิศทางพลังงานของโลก ที่กำลังมุ่งสู่พลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เห็นได้จากหลายๆ ประเทศ ต่างแสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เท่ากับศูนย์ (Carbon Neutral) เพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมที่นับวันเริ่มทวีคูณขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งการใช้พลังงานไฟฟ้า จะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้รูปแบบการใช้พลังงานเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานอนาคต ที่มีประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

เมื่อ 2 ธุรกิจกำลังขยายตัวอย่างก้าวกระโดด จึงได้เห็นหลายๆ องค์กร เริ่มเข้าสู่สนามยานยนต์ไฟฟ้า หรือ อีวี ทำให้ตลาดอีวีในประเทศไทยคึกคักมากขึ้น ล่าสุดได้เห็นกลุ่ม ปตท. เปิดตัว “สวอพ แอนด์ โก” (Swap & Go)  ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม โครงสร้างพื้นฐาน และเครือข่าย Battery Swapping หรือการสลับแบตเตอรี่แก่ผู้ใช้งานรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพื่อให้บริการสลับแบตเตอรี่แบบไม่ต้องรอชาร์จ ตอบโจทย์กลุ่มขับขี่ให้บริการ Delivery หรือไรเดอร์ ให้สลับแบตไว ไปได้เร็ว

นายนพดล ปิ่นสุภา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่นวัตกรรมและดิจิทัล บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบันนี้ ปตท. ได้เร่งเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ผลักดันการใช้พลังงานแห่งอนาคต เช่น พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) และกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า EV Value Chain ตลอดต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้ไทยบรรลุเป้าหมายในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และตอบสนองให้ทันต่อการเปลี่ยนผ่านตามทิศทางการใช้พลังงานของประเทศ

นอกจากนี้ การใช้รถมอเตอร์ไซค์กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่ม Food Delivery จึงเป็นที่มาของแนวคิดการออกแบบธุรกิจเพื่อเป็นต้นแบบนวัตกรรมด้านพลังงานให้กับประเทศ อย่าง Swap & Go โดยปี 2564 จะเปิดให้บริการสถานีสลับแบตเตอรี่ จำนวน 22 แห่ง ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ แบ่งเป็น ภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น จำนวน 19 แห่ง และพื้นที่ภายนอกสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น อีก 3 แห่ง ที่พร้อมนำร่องให้บริการลูกค้าในกลุ่มไรเดอร์ Delivery Service และมีแผนขยายการให้บริการกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ในระยะถัดไป

โดยบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ได้ร่วมวางเครือข่ายสถานีสลับแบตเตอรี่ปูพรมให้ครอบคลุมพื้นที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ เพื่อทดลองรูปแบบการดำเนินธุรกิจมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า สร้างความมั่นใจในการใช้งานให้แก่กลุ่มไรเดอร์ที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งอาจต่อยอดให้บริการแก่ประชาชนทั่วไปที่สนใจใช้บริการมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้เข้ามาใช้บริการภายในสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ได้อีกด้วย

สำหรับการใช้งาน ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Swap & Go เชื่อมต่อกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่รองรับการใช้งาน เพื่อตรวจสอบปริมาณแบตเตอรี่  ค้นหาตำแหน่งสถานีสลับแบตเตอรี่ จองแบตเตอรี่ใหม่ล่วงหน้า และมีระบบนำทางไปยังสถานี เมื่อไปถึงสถานีแล้ว สามารถสแกน QR Code เพื่อสลับแบตเดิมที่หมดกับแบตใหม่ที่พร้อมใช้งานในตู้ชาร์จด้วยตัวเองได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที

“Swap & Go” มุ่งสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อแสวงหาผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน ปลอดภัย และให้บริการที่เหมาะสมกับสังคมไทย โดยได้นำร่องการพัฒนาตู้แบตเตอรี่และระบบการชาร์จไฟ ระบบบริหารจัดการทางไกล (Remote Monitoring & Control System) เพื่อดูแลและแก้ไขระบบการใช้งานได้แบบ Real-time และการเชื่อมต่อเครือข่ายกับผู้ผลิตและให้บริการแบตเตอรี่สวอพชั้นนำจากประเทศจีน รวมทั้งจัดหารถมอเตอร์ไฟฟ้าที่สามารถสลับแบตเตอรี่ได้ มาให้บริการในระบบ โดยเริ่มจากแบรนด์ Molinks รุ่น B-Swap ของค่าย Xiaomi บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก โดยสามารถใช้งานได้เป็นระยะทาง 50-70 กิโลเมตรต่อการสวอพแบตเตอรี่ และทำความเร็วสูงสุดได้ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และอยู่ระหว่างการพัฒนามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานในอนาคต และยังร่วมมือกับบริษัทใน กลุ่ม ปตท. ในการพัฒนาแบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ ให้ได้มาตรฐานเทียบเท่าระดับสากล เพื่อให้ใช้งานกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้อีกด้วย