พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนานโยบายการบริหารจัดการที่ดินของประเทศไทย และเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจ ภารกิจของ สคทช. เมื่อวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุมแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็คเมืองทองธานี จ.นนทบุรี  ที่ผ่านมา ว่า “ที่ดิน” และ “ทรัพยากรดิน” ถือเป็นสินทรัพย์ที่สำคัญของประเทศ เป็นรากฐานสำคัญของการดำเนินชีวิต การใช้ประโยชน์สำหรับการพัฒนาประเทศในมิติต่าง ๆ เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ที่ดินเป็นทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ในขณะที่ความต้องการใช้ประโยชน์ที่ดินของประชาชนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ก่อให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ ตามมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับที่ดินและทรัพยากรดินอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ละหน่วยงานต่างถือกฎหมายของตนเองเป็นหลัก การบูรณาการแก้ไขปัญหาที่ดินร่วมกันในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาอุปสรรคอยู่มาก ความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขเป็นไปด้วยความล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์ ส่งผลให้ปัญหาที่ดินและทรัพยากรดินที่มีอยู่เดิม ถูกสั่งสมเป็นระยะเวลานานและเป็นปัญหาที่มีความรุนแรง ซับซ้อน และยากต่อการแก้ไขมากขึ้นเรื่อย ๆ  รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกรัฐมนตรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เล็งเห็นความสำคัญของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนที่เกิดจากปัญหาดังกล่าว  จึงได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ “คทช.” เพื่อขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญในการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ ลดความเหลื่อมล้ำของสังคมและเร่งรัดให้มีการกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ผ่านการดำเนินการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ในลักษณะแปลงรวมโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์ เพื่อแก้ไขปัญหาการไร้ที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของพี่น้องเกษตรกร รวมถึงป้องกันการเปลี่ยนมือไปอยู่ในความครอบครองของนายทุนผู้ที่มิใช่เกษตรกร โดยการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนได้ประสบความสำเร็จและก้าวหน้ามาเป็นลำดับ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ได้กำหนดพื้นที่เป้าหมายไปแล้ว 1,442 พื้นที่ คิดเป็นเนื้อที่ 5,566,576 – 3 – 31.09 ไร่ครอบคลุม 70 จังหวัดทั่วประเทศ และสามารถจัดให้ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่แล้ว จำนวนกว่า70,000 คน รวมทั้งการส่งเสริมและพัฒนาอาชีพ และเพื่อให้การดำเนินงานของทุกภาคส่วน มุ่งสู่เอกภาพการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างสมดุลและยั่งยืนในอนาคต คทช. ได้กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (พ.ศ. 2566 – 2580) เพื่อใช้เป็นกรอบทิศทางนโยบายในระยะ 15 ปี ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ รวมสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ และแนวนโยบายของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยระบบเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy: BCG Model) ประกอบด้วย ประเด็นนโยบายหลัก 4 ด้าน ได้แก่ (1) การสงวนหวงห้ามที่ดินของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพ และการรักษาความสมดุลทางธรรมชาติ  (2) การใช้ที่ดินและทรัพยากรดินให้เกิดประโยชน์สูงสุด (3) การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน (4) การบูรณาการและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินอย่างมีเอกภาพ

ด้าน ดร.รวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ กล่าวว่า  ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจของรัฐบาลนำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา  ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่14 ตุลาคม พ.ศ.2557 จึงมีมติเห็นชอบระเบียบ สำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วย คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ(หรือ คทช.)  โดยมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการ  และมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นคณะกรรมการ ต่อมาได้ยกระดับเป็น พ.ร.บ. คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ.2562 ทำหน้าที่กำหนดนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ  และกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ หรือ (สคทช.) เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของ คทช. 

โดยในวันนี้ สคทช. จึงใช้โอกาสวันครบรอบสถาปนา 1 ปี ขับเคลื่อนการดำเนินงานกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ ได้แก่ กรมป่าไม้ กรมที่ดิน กรมธนารักษ์ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กรมพัฒนาที่ดิน กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมส่งเสริมสหกรณ์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ โดยมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการส่งเสริมและพัฒนาการบริหารจัดการข้อมูลที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างพลังในการขับเคลื่อนภารกิจไปสู่ความสำเร็จอย่างมีเป้าหมายร่วมกัน  ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศที่มีอยู่อย่างจำกัด มีประสิทธิภาพ  เกิดประโยชน์สูงสุด  สมดุล  เป็นธรรม และยั่งยืน แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน กระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทำให้ประเทศมีการพัฒนาบนรากฐานการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ ภายใต้การดำเนินงานตามนโยบายและแผนการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศตามที่ คทช. ให้ความเห็นชอบ

อย่างไรก็ตาม  สคทช. มีภารกิจในด้านต่างๆ ดังนี้ ด้านการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ด้านการพิสูจน์สิทธิ์ในที่ดินของรัฐและการอ่านภาพถ่ายทางอากาศ ด้านการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการมาตราส่วน1:4000 (หรือ One Map) และแก้ไขปัญหาแนวเขตที่ดินของรัฐ ด้านนโยบายและแผนแนวทางการบริหารจัดการที่ดินของประเทศ การกลั่นกรองกฎหมายการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ด้านการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสารสนเทศที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ นับเป็นความสำเร็จในการลดความเหลื่อมล้ำ  สร้างความเป็นธรรมในทุกมิติ ภายใต้แนวคิดบริหารจัดการที่ดิน และทรัพยากรดินของประเทศด้วย “ความเป็นหนึ่งเดียวกัน” ทั้งภายในและภายนอกหน่วยงานเพื่อสร้างการบูรณาการในการบริหาร