เมื่อวันที่ 20 ก.ค. เวลา 17.00 น. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวผ่านระบบ “webex” เรื่องแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด -19 สำหรับปี 2565 ว่า หลังการลงนามซื้อวัคซีนไฟเซอร์จำนวน 20 ล้านโดสสำหรับปี 2564 ไปแล้วเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ต่อมาเมื่อช่วงบ่ายวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเชิญบริษัทผู้นำเข้าวัคซีน 6 บริษัท ที่มีการนำเข้าวัคซีนชนิดต่างๆ ทั้ง mRNA ที่มีทั้งไฟเซอร์ โมเดอร์นา, เทคโนโลยีไวรัลเว็คเตอร์ ทั้งของแอสตร้าเซนเนก้า และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน , วัคซีนเชื้อตาย ทั้งซิโนฟาร์ม และซิโนแวค รวมถึงองค์การเภสัชกรรมที่มีการพัฒนาวัคซีนเชื้อตายเช่นเดียวกัน หารือ แลกเปลี่ยนข้อมูลเรื่องการผลิตวัคซีนรุ่น2 เพื่อรองรับเชื้อกลายพันธุ์ สำหรับการใช้ในประเทศไทยในปี 2565 เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อเชื้อไวรัสกลายพันธุ์แล้ว ทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง เบื้องต้น เบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุข ได้แจ้งแผนความต้องการใช้วัคซีนภายในปี 2565 จำนวน 120 ล้านโดส
ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้ให้เป็นการบ้านกับทางบริษัทผู้นำเข้าไปพิจารณาต่อว่าจะสามารถพัฒนาวัคซีนรุ่นใหม่ๆ รวมถึงจะสามารถผลิตและส่งมอบให้ประเทศไทยได้จำนวนเท่าไหร่ ก่อนจะมีการเจรจาจองวัคซีนกันในโอกาสต่อไป นอกจากนี้ ทางองค์การเภสัชกรรมยังได้มารายงานความคืบหน้าในส่วนของการผลิตวัคซีนในประเทศไทยด้วย ซึ่งขณะผ่านผ่านขั้นตอนการวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 แล้ว กำลังเข้าสู่การวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 2 ส่วนวัคซีนที่ผลิตโดยเทคโนโลยีตัวอื่นๆ เช่น โปรตีนซับยูนิต หรืออื่นๆ จะมีการเชิญมาหารือในวันถัดไป อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้มีการหารือร่วมกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีการออกมาเปิดเผยตัวเลขการสั่งซื้อวัคซีนไฟเซอร์ปี 2565 จำนวน 50 ล้านโดส ยังเป็นสัดส่วนนี้หรือมีการปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวย้ำว่า ก็เป็นขั้นตอนการเจรจา ที่เราให้ข้อมูลว่าความต้องการเราเท่าไหร่ หรือเขามียอดที่เสนอให้ไทยเท่าไหร่ ก็เหมือนกันทุกบริษัทให้เห็นตัวเลข 120 ล้านโดส ก็อยู่ที่บริษัทจะไปทำการบ้านมาว่าประเทศไทยต้องการจำนวนเท่านี้ ในเจนแนอเรชั่นใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ แล้วบริษัทจะหาให้ได้เท่าไหร่ ช่วงเวลาไหน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าวัคซีนปี 2564 ที่ไทยเจรจาขอแลกเปลี่ยนวัคซีน แล้วประเทศปลายทางเปลี่ยนเป็นการบริจาค นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า วัคซีนที่ประเทศไทยพยายามหามาเพิ่มเติมจากที่ญี่ปุ่นบริจาคเข้ามาแล้วประมาณ 1,050,000 โดส นั้น ก็มีการเจรจาต่อกับอีก 2 ประเทศที่กำลังคุยอยู่ ซึ่งประเทศผู้บริจาคขอให้เขาเป็นผู้ประกาศก่อนในสัปดาห์หน้า จึงขอให้ประชาชนอดใจรออีกสักระยะ แต่มีความเป็นไปได้สูง.