สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10 ก.พ. เกี่ยวกับสถานการณ์บนสะพานแอมบาสซาเดอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางสัญจรทางบกระหว่างประเทศที่สำคัญ เชื่อมระหว่างรัฐออนแทรีโอ กับรัฐมิชิแกนของสหรัฐ แต่มีกลุ่มคนขับรถบรรทุกขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนจากแคนาดา รวมตัวปิดกั้นเส้นทางบางส่วน หวังเพิ่มแรงกดดันให้กับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ให้ยกเลิกมาตรการบังคับฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยการชุมนุมยืดเยื้อมานานประมาณ 2 สัปดาห์แล้วนั้น
นางเจน ซากี โฆษกหญิงทำเนียบขาว กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่าสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมีแต่จะยิ่งเพิ่มผลกระทบให้กับห่วงโซ่อุปทานของสหรัฐและแคนาดา ทั้งในเรื่องการเกษตร อุตสาหกรรม และการเคลื่อนย้ายแรงงาน รัฐบาลวอชิงตันกำลังหารือกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องของแคนาดา เพื่อระบายจำนวนรถบรรทุกรอข้ามแดน ให้มาใช้เส้นทางอื่น ท่ามกลางความกังวลซึ่งเพิ่มขึ้น ว่าตำรวจแคนาดาเตรียมใช้ “มาตรการขั้นเด็ดขาด” เพื่อยุติการชุมนุม
ด้านนายทิฟฟ์ แมคเคลม ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา เรียกร้องให้บรรดาคนขับรถบรรทุกยุติการปิดกั้นเช่นกัน “ก่อนที่ความเสียหายจะมากกว่านี้” โดยเตือนว่า ห่วงโซ่อุปทานบนโลกตึงตัวมากพออยู่แล้ว หากมีปัจจัยจากเรื่องนี้เพิ่มเข้ามาอีก เศรษฐกิจของแคนาดาจะยิ่งวิกฤติ
ขณะที่ฟอร์ด โตโยต้า และไครสเลอร์ ต่างออกมายอมรับ ว่าได้รับผลกระทบไม่น้อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ต้องลดระดับไปจนถึงระงับสายงานการผลิต ที่โรงงานบางแห่งในแคนาดา พร้อมทั้งร่วมกันเตือนว่า อุตสาหกรรมรถยนต์ในอเมริกาเหนือจะยิ่งเดือดร้อน และเรียกร้องให้การประท้วงยุติทันที
ปัจจุบัน มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐกับแคนาดาต่อปี อยู่ที่ประมาณ 511,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 16.7 ล้านล้านบาท) และมากกว่าสองในสามของปริมาณสินค้าทั้งหมด เป็นการขนส่งทางบก.
เครดิตภาพ : REUTERS