นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด( ปณท) เปิดเผยว่า  ปณท ได้ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี แพ็คเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน)  จัดโครงการไปรษณีย์ รีบ็อกซ์ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพื่อรณรงค์ให้คนไทยเปลี่ยนมุมมอง ในการจัดการกล่อง และ ซองที่ไม่ใช้แล้ว จากขยะบรรจุภัณฑ์ธรรมดาให้กลับมามีคุณค่าแก่สังคมอีกครั้ง เพื่อให้เกิดการลดขยะเพื่อสิ่งแวดล้อมตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งโครงการในปีที่ 3 นี้จะรวบรวมกล่อง และ ซองจากคนไทย เพื่อนำไปรีไซเคิล เป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้ ส่งมอบเป็นของขวัญ ทางการศึกษาให้แก่นักเรียน โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ต่อไป โดยผู้ที่สนใจสามารถนำกล่องและซอง ที่ไม่ใช้แล้วมาให้ได้ที่ไปรษณีย์ทั่วประเทศ รวมทั้งจุดรับ อื่นๆ ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ต.ค. 65

สำหรับโครงการนี้ได้ เริ่มดำเนินการในช่วงปี 63 สามารถรวมกล่องและซองที่ไม่ใช้แล้วได้กว่า 72,000 กิโลกรัม สามารถรีไซเคิลเป็นชุดโต๊ะ เก้าอี้มอบให้นักเรียนโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ ได้ถึง 224 ชุด  ส่วนโครงการในปี 64 ได้ต่อยอดเป็น ไปรษณีย์ รีบ็อกซ์ เปลี่ยนกล่องและซอง ที่ไม่ใช้แล้วเป็นเตียงสนาม รวมทั้ง กล่อง บ็อกซ์บุญ ที่บรรจุหน้ากากอนามัยทางการแพทย์มอบให้แก่โรงพยาบาลเพื่อใช้ในการรับมือกับ ภาวะการระบาด ของเชื้อโควิด-19 ซึ่งสามารถรวบรวมกล่องและซองกระดาษจากคนไทยได้ถึง 228,000 กิโลกรัม

ดนันท์ สุภัทรพันธุ์

“การดำเนินโครงการมารวม 2 ปี มีปริมาณกล่องและซองกระดาษกลับเข้าสู่ระบบรีไซเคิลกว่า 300,000 กิโลกรัม เป็นไปตามแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน ที่มุ่งเน้นให้เกิดการหมุนเวียนทรัพยากรหรือวัสดุกลับมาใช้ใหม่ เพื่อให้เกิดของเสียลดลง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปริมาณการใช้ทรัพยากรที่เกี่ยวข้องพบว่า กล่องและซองที่กลับเข้าสู่ ระบบรีไซเคิลเหล่านี้จะช่วยลดการตัดต้นไม้ได้ถึง 787,000 ต้น และสามารถช่วยลด การใช้พลังงานได้ถึง 1,155,880 กิโลวัตต์ ลดคาร์บอนฟุตปริ้นต์ที่เกิดจากบรรจุภัณฑ์และเป็นตัวการของภาวะโลกร้อนได้ 195,000 กิโลกรัม สามารถลดการใช้น้ำมันที่เกิดจากกิจกรรมการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงได้อีกถึง 110,000 แกลลอน และยังสามารถลดการใช้น้ำได้ 2,002,000 แกลลอน” นายดนันท์ กล่าว