เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ โฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า ตามที่ คณะรัฐมนตรีได้ให้การเห็นชอบมาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เปิดระบบให้ตรวจสอบสิทธิแล้ว นายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่อยู่ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ยะลา ปัตตานี นราธิวาส และสงขลา ใน 9 ประเภทกิจการ ได้แก่ 1. ก่อสร้าง 2. ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร 3. ศิลปะ บันเทิงและนันทนาการ 4. กิจกรรมการบริการด้านอื่น ๆ 5. การขายส่งและการขายปลีก การซ่อมยานยนต์และจักรยานยนต์ 6. การขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า 7. ข้อมูลข่าวสารและการสื่อสาร 8. กิจกรรมวิชาชีพ วิทยาศาสตร์และกิจกรรมทางวิชาการ 9. กิจกรรมการบริหารและบริการสนับสนุน

ทั้งนี้ สามารถเข้าตรวจสอบสิทธิได้ที่หน้าเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th ผู้ประกันตนมาตรา 33 เพียงกรอกเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ก็สามารถตรวจสอบได้ นายจ้างสถานประกอบการให้กรอกเลขบัญชีนายจ้าง 10 หลัก และเลขลำดับที่สาขา 6 หลัก เพื่อตรวจสอบสิทธิ โดยการช่วยเหลือเยียวยาในครั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้รับการจัดสรรงบประมาณ ตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เงื่อนไขการเยียวยา ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีสัญชาติไทย จะได้รับการเยียวยา เป็นเงิน 2,500 บาท โอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเท่านั้น นายจ้างจะได้รับการเยียวยา ตามจำนวนลูกจ้าง หัวละ 3,000 บาท สูงสุดลูกจ้างไม่เกิน 200 คน โดยนายจ้างบุคคลธรรมดา จะได้รับเงินโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์เลขประจำตัวประชาชนเช่นกัน นายจ้างสถานะนิติบุคคล จะโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อนิติบุคคล

โฆษกสำนักงานประกันสังคม กล่าวต่อว่า เมื่อสำนักงานประกันสังคมร่วมกับกรมสวัสดิการคุ้มครองแรงงานได้ตรวจสอบความถูกต้องแล้ว ท่านจะได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีตามที่กล่าวข้างต้น โดยท่านไม่ต้องมายื่นเรื่องหรือติดต่อที่สำนักงานประกันสังคมพื้นที่/จังหวัด/สาขา แต่อย่างใด และผู้ประกันตนมาตรา 33 และนายจ้างบุคคลธรรมดา เมื่อท่านตรวจสอบสิทธิเรียบร้อยแล้ว ขอให้ท่านตรวจสอบบัญชีธนาคารของตนเองด้วยว่าได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชนไว้แล้วหรือยัง หากยังขอให้เร่งดำเนินการด่วน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ สายด่วน 1506 ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง.