วันนี้ (28 ม.ค.) นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค เปิดเผยว่าผลประกอบการปี 2564  ของดีแทค มีจำนวนผู้ใช้บริการเติบโตเพิ่มขึ้น 704,000 ราย โดยที่ผ่านมาเร่งขยายเครือข่ายจนปีที่ผ่านมาครอบคลุมการใช้งานของประชากร 93% และสถานีฐานมากกว่า 12,700 แห่งบนคลื่น 700 MHz และพบว่าการใช้งาน 4G เป็นเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้น 4.8 จุด จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้ต่อเลขหมายปรับตัวดีขึ้น เมื่อเปรียบเทียบระหว่างผู้ใช้งานคลื่น 700 MHz กับผู้ที่ไม่ใช้งานคลื่น 700 MHz ส่วนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของช่องทางต่าง ๆ ในการติดต่อกับลูกค้าและผู้ค้าปลีก เป็นผลให้ผู้ใช้งานดิจิทัลของเติบโตขึ้นเป็น 6.7 ล้านคน ณ สิ้นปี 64 โดยมีอัตราการเติบโต 20% จากปีก่อน

ณ สิ้นไตรมาสที่ 4/64 ดีแทคมีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งหมดอยู่ที่ 19.6 ล้านราย เพิ่มขึ้น 286,000 รายจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้นมากกว่า 700,000 รายจากสิ้นปีก่อน รายได้ค่าบริการไม่รวม IC เพิ่มขึ้น 0.1% จากไตรมาสก่อน และลดลงร้อยละ 0.6 จากปีก่อน EBITDA สำหรับไตรมาส 4/64 มีมูลค่า 7,004 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 5.1% จากปีก่อน EBITDA margin (normalized) อยู่ที่ 38.9% ในไตรมาสที่ 4/64 กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/64 คิดเป็น 171 ล้านบาท

ชารัด เมห์โรทรา

นายนกุล เซห์กัล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า ดีแทคเห็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ของสภาวะเศรษฐกิจมหภาคในช่วงปลายปี เนื่องจากมีการผ่อนคลายข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ขณะที่การทำตลาดในภูมิภาคส่งผลให้จำนวนลูกค้าสุทธิเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิของไตรมาสที่ 4 ได้รับผลกระทบจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์เพียงครั้งเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากการคืนพื้นที่เช่าบางส่วนบนเสาสัญญาณซึ่งคาดว่าจะให้ผลประโยชน์เชิงกระแสเงินสดในอนาคต

สำหรับปี 2565 ดีแทคคาดการณ์แนวโน้มรายได้จากการให้บริการและ EBITDA จะออกมาคงที่จนถึงเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละที่เป็นเลขหลักเดียวในระดับต่ำ และมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนที่ 1.2-1.4 หมื่นล้านบาท

สำหรับตัวเลขสำคัญทางการเงิน ณ สิ้นปี 2564 (หลัง TFRS 15 และ 16)              

รายได้จากการให้บริการไม่รวมค่า IC 5.78 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 3.6 เมื่อเทียบกับปีก่อน

EBITDA อยู่ที่ 2.99 หมื่นล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 จากปีก่อน

อัตรากำไร EBITDA (normalized) อยู่ที่ร้อยละ 44.6

กำไรสุทธิ 3,356 ล้านบาท