เมื่อวันที่ 19 ก.ค. นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีการใช้ความรุนแรงในการควบคุมและสลายการชุมนุมของประชาชนว่า แทนที่เจ้าที่ตำรวจจะยืนข้างอำนาจรัฐที่ล้มเหลว ควรยืนข้างความถูกต้อง รับฟังประชาชน แทนที่จะมีทัศนคติอันเป็นลบต่อผู้ชุมนุม ควรเห็นใจและเปิดใจรับฟัง ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 วิกฤติหนักรอบด้าน แต่ประชาชนกลับเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ฝ่าโควิด ไปชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่ล้มเหลว เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชนที่รัฐธรรมนูญได้รับรองไว้ เพราะประชาชนไม่แน่ใจว่า ระหว่างโควิด-19 กับรัฐบาลที่ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ แต่พยายามสืบทอดอำนาจทุกวิถีทาง เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองไว้ให้นานที่สุดอะไรน่ากลัวกว่ากัน
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า การใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน การไม่ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนของการควบคุมฝูงชนตามหลักสากล นอกจากจะทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ตัวผู้ปฏิบัติงานก็มีโอกาสถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ประชาชนมาร้องขอวัคซีนคุณภาพ mRNA กลับได้รถฉีดน้ำแรงดันสูง แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ลามไปถึงสื่อมวลชนที่ยืนยันว่าเจ้าที่ตำรวจยิงกระสุนยางก่อนการประกาศว่าจะใช้ ถ้าเหตุเพลิงไหม้ที่กิ่งแก้วมีประสิทธิภาพในการดับไฟ ได้สักครึ่งของการปราบปรามม็อบ คงสามารถควบคุมเพลิงได้เร็วกว่านี้ ถ้าวัคซีน mRNA มาเร็วกว่า ตู้คอนเทเนอร์ ประชาชนคงไม่วิกฤติหนัก เจ็บป่วยล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงเช่นทุกวันนี้
“ความสูญเสีย คราบน้ำตา เสียงร้องไห้ ที่ดังระงมทั้งประเทศ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้ยินบ้างหรือ วิกฤติโควิด ผู้คนเดือดร้อนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า เจ้าหน้ารัฐและครอบครัวก็โดนไม่ต่างกัน ไม่มีประโยชน์ที่จะยืนเพื่อรักษาอำนาจรัฐที่ล้มเหลวแต่ต้องยืนเพื่อความถูกต้อง” นายอนุสรณ์ กล่าว.