จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เห็นชอบร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้กัญชาและกัญชงพ้นจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 นั้น.. วันนี้จึงจะพามารู้จักสายพันธุ์กัญชายอดนิยมทั้งไทยและเทศ ประโยชน์ครบตั้งแต่ต้นยันช่อดอก มีอะไรกันบ้าง มาติดตามกัน
สำหรับ “กัญชา” เป็นพืชสกุล Cannabis อยู่ในวงศ์ Cannabaceae ซึ่งทั้งโลกมีสายพันธุ็กัญชามากถึง 14,000 สายพันธุ์ แต่มีเพียง 3 สายพันธุ์ ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ สายพันธุ์ซาติวา (Cannabis sativa) สายพันธุ์อินดิกา (Cannabis indica) และสายพันธุ์รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)
1.ซาติวา (Cannabis sativa)
เป็นภาษาละติน แปลว่า เพาะปลูก ตั้งโดย คาโรรัส ลินเนียส Carolus Linnæus หรือ Carl Linnaeus) นักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเดน โดยจัดวงศ์พืชชนิดนี้ไว้เมื่อปี ค.ศ. 1753 (พ.ศ. 2296) มีแหล่งกำเนิดบริเวณเส้นศูนย์สูตร เช่น โคลอมเบีย เม็กซิโก (ทวีปอเมริกา) ตอนกลางของทวีปแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ลักษณะ : มีลำต้นหนา ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 6 เมตร ใบยาว เรียว สีเขียวอ่อน ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 9-16 สัปดาห์ ชอบแดดและ อากาศร้อน
สรรพคุณ : ซาติวามีสาร THC (Tetrahydrocannabinol) ที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท (Psychoactive) สูงกว่าอินดิกา ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี กระปรี้กระเปร่า จึงได้รับความนิยมจากเหล่านักปรัชญา ศิลปิน นักดนตรี
2.อินดิกา (Cannabis Indica)
ผู้ค้นพบสายพันธุ์นี้คือ ฌอง-แบ๊บติสท์ ลามาร์ค (Jean-Baptiste Lamarck) ทหารนักชีววิทยา ชาวฝรั่งเศส ผู้ตั้งชื่อและตีพิมพ์ความรู้เรื่องกัญชาสายพันธุ์นี้ในปี ค.ศ. 1785 (พ.ศ. 2328) กัญชาสายพันธุ์อินดิกาได้ชื่อตามแหล่งกำเนิดที่ค้นพบในอินเดียและบริเวณตะวันออกกลาง เช่น ปากีสถาน อัฟกานิสถาน โมร็อกโก
ลักษณะ : มีลำต้นพุ่มเตี้ย ความสูงเมื่อเติบโตเต็มที่ประมาณ 180 เซนติเมตร ใบกว้าง สั้น สีเขียวเข้ม (เมื่อเทียบกับซาติวา) กิ่งก้านดกหนา ระยะเวลาการเติบโตพร้อมเก็บเกี่ยว 6-8 สัปดาห์ ชอบที่ร่มและอากาศเย็น
สรรพคุณ : มีสาร CBD (Cannabidiol) ซึ่งออกฤทธิ์ระงับ ประสาท (Sedative) ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการปวดเรื้อรัง
3.รูเดอราลิส (Cannabis ruderalis)
ผู้ตีพิมพ์เรื่องราวกัญชาสายพันธุ์นี้คนแรก คือ นักพฤกษศาสตร์ชาวรัสเชีย ดี.อี. จานิสเชสกี้ (D. E. Janischewsky) เมื่อปี ค.ศ. 1924 (พ.ศ. 2467) กัญชาสายพันธุ์รูเดอราลิสมีแหล่ง กำเนิดบริเวณตอนกลางและตะวันออกของทวีปยุโรป เช่น รัสเชีย
ลักษณะ : มีลำต้นเตี้ยที่สุดในบรรดา 3 สายพันธุ์ ดูคล้ายวัชพืช ใบกว้างมี 3 แฉก เติบโตเร็ว อยู่ได้ทั้งอากาศร้อนและเย็น
สรรพคุณ : ปริมาณสาร THC น้อย (เมื่อเทียบกับสองสายพันธุ์แรก) ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ แต่มี CBD สูง มักนำไปผสมข้ามสายพันธุ์ (hybrid) กับซาติวาและอินดิกา เพื่อให้ได้คุณสมบัติทางยา
สำหรับ “กัญชาสายพันธุ์ไทย” นั้นคือ กัญชาพันธุ์หางกระรอก หรืออีกชื่อที่เป็นที่รู้จักคือ “ไทยสติ๊ก (Thai Stick)” โดยมีที่มายุคสงครามเวียดนาม เหล่าทหารอเมริกันที่เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยต่างติดใจกับกัญชาไทย ที่พวกเค้าเรียกว่า “Thai Stick” จนมีการส่งออกไปยังสหรัฐ รวมถึงหลายๆ ประเทศในยุโรป จนทั่วโลกยอมรับว่า กัญชาจากประเทศไทย คือ กัญชาที่ดีที่สุดในโลกในยุคนั้น แต่หลังจากสิ้นสุดสงคราม ก็เกิดการกดดันจากรัฐบาลสหรัฐ ให้เกิดการปราบปรามกัญชาในประเทศไทยอย่างจริงจัง ส่งผลให้ “Thai Stick” หายสาบสูญไปจากประเทศไทย ทั้งในแง่ขององค์ความรู้ด้านการผลิต และในด้านของสายพันธุ์กัญชาที่เป็นสายพันธุ์ต้นตำรับ จนปัจจุบัน Thai Stick ถูกขนานนามว่าเป็น Lost Art หรือศิลปะที่หายสาบสูญ อย่างไรก็ตาม “Thai Stick” เป็นสายพันธุ์แท้ดั้งเดิมที่มีขึ้นอยู่ตามธรรมชาติแถบเทือกเขาภูพาน จังหวัดสกลนคร มาตั้งแต่สมัยโบราณก่อนที่จะถูกกำหนดให้เป็นสิ่งเสพติด
ทั้งนี้ “Thai Stick” เป็นสายพันธุ์กัญชาที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในโลก เพราะมีค่า THC (Tetrahydrocannabinol) หรือสารที่ทำให้เคลิ้มและใช้ในการรักษานั้นมีอยู่สูงมาก
ลักษณะ : มีลักษณะเรียวยาวเป็นแท่งตรงคล้ายแท่งไม้ เติบโตได้ดีในสภาพอากาศไทย ชอบความชื้น ดินและแสงแดดที่เหมาะสม
สรรพคุณ : ช่วยให้รู้สึกเคลิ้ม ลดความเครียด ช่วยให้เจริญอาหาร เป็นสายพันธุ์ที่มีค่า THC หรือสารที่มีคุณประโยชน์ในทางรักษาสูง
อย่างไรก็ตาม สาร THC และ CBD ในกัญชามีประโยชน์ดังนี้
-สาร CBD มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ ลดการชักเกร็ง ช่วยให้สงบ ผ่อนคลาย และมีคุณสมบัติยังยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกหลายชนิดในหลอดทดลอง
-สาร THC มีผลต่อจิต ประสาท ทำให้ผ่อนคลาย นอนหลับ ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และกระตุ้นให้อยากอาหาร..