ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่อำเภอครบุรี จ.นครราชสีมา ขณะนี้มีเกษตรกรจำนวนมาก เริ่มทำการปรับเปลี่ยนการทำการเกษตรจากพืชไร่จากมันสำปะหลังและอ้อย มาเป็นการเพาะปลูกผลไม้ยืนต้นกันมากขึ้น โดยเฉพาะทุเรียน ซึ่งเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากอีกทั้งยังขายได้ราคาดี แต่ในระหว่างช่วงที่ต้องรอทุเรียนให้ผลผลิตยาวนานประมาณ 4-5 ปี จึงต้องสรรหาพืชต่างๆ มาปลูกตามพื้นที่ว่างระหว่างต้นทุเรียน เพื่อให้มีรายได้ในระหว่างที่ต้องรอทุเรียนให้ผลผลิต

นางสุพรรษา พุฒพันธ์ อายุ 47 ปี เกษตรกรบ้านไร่แหลมทอง หมู่ 12 ต.ลำเพียก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่ 7 ไร่ มาปลูกทุเรียนและเงาะสลับกันไป เพื่อหวังที่จะเป็นช่องทางในการเพิ่มรายได้ให้มากขึ้นและมี่ความยั่งยืนในอนาคต แต่ในช่วงระหว่างรอผลผลิต ก็ได้ทดลองปลูกพืชชนิดอื่นตามพื้นที่ว่าง ล่าสุดได้ทดลองปลูกสตรอเบอรี่ ซึ่งก็ได้ผลดีเป็นที่น่าพอใจและได้เพาะต้นพันธ์ขายสร้างรายได้เสริมปีแรกกว่า 2 หมื่นบาทเลยทีเดียว

นางสุพรรษาฯ กล่าวว่า ได้พันธุ์สตรอเบอรี่พันธุ์พระราชทาน 80 มาจากคนรู้จักที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และได้นำมาทดลองปลูกด้วยการนำไหลของต้นสตรอเบอรี่มาปักชำไว้ใต้ต้นทุเรียน จากนั้นก็ทำการรดน้ำให้ปุ๋ยต้นทุเรียนตามปกติ พบว่าต้นสตรอเบอรี่ได้งอกงามเพราะได้น้ำและปุ๋ยจากต้นทุเรียนไปด้วย จึงตัดสินใจนำมาลงแปลงปลูกในพื้นที่ว่างประมาณ 1 งาน และทำการให้น้ำด้วยระบบน้ำหยด ซึ่งก็ได้ผลดีเช่นเดียวกันอีกทั้งยังติดลูกดกและใหญ่ไม่แพ้ที่อื่นๆ จากนั้นก็มีเพื่อนเกษตรกรมาเห็นและขอซื้อไปทดลองชิม พร้อมถามถึงวิธีเพาะปลูก จึงเริ่มทดลองนำไหลมาเพาะขยายพันธุ์เพื่อจำหน่าย ซึ่งก็ประสบความสำเร็จ สามารถเพาะพันธุ์จำหน่ายได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่ทดลองเพาะพันธุ์สตรอเบอรี่จำหน่ายราคาต้นละ 20 บาท ทำหมีรายได้เสริมมากกว่า 20,000 บาทแล้ว

สำหรับวิธีการเพาะพันธุ์สตรอเบอรี่นั้น ก็เริ่มต้นจากการนำเอา ไหลสตรอเบอรี่ มาปักชำใส่ถุง เมื่อมีรากเดินเต็มที่ก็นำมาลงแปลงปลูกในดิน เหมือนเช่นพืชอื่นๆทั่วไป รดน้ำให้ปุ๋ยประมาณ 2-3 อาทิตย์ ก็จะมีการขยายไหลตัวใหม่และนำไปขยายพันธุ์ต่อได้