นายสมพันธ์ จารุมิลินท กรรมการเลขาธิการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ พร้อมด้วยหม่อมหลวงอนุพร เกษมสันต์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิฯ ร่วมพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงสนับสนุนสหพันธ์มวยไทยนานาชาติ (อิฟมา) (IFMA) โดยมี ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ ประธานกิตติมศักดิ์ของสหพันธ์ฯ และ สเตฟาน ฟอกซ์ เลขาธิการสหพันธ์ฯ ร่วมลงนาม สำหรับการลงนามครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยในรูปแบบ Soft Power ผ่านกีฬามวยไทย การไหว้ครูและปี่มวย ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอีกด้วย โดยปัจจุบัน มวยไทย ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนอย่างเต็มที่ ในการผลักดันให้มวยไทย เข้าสู่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ในอนาคตต่อไป

กรรมการเลขาธิการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กล่าวว่า สำหรับ “มวยไทย” หรือ “Thai Boxing” เป็นศิลปะการต่อสู้ในสนามรบเพื่อรักษาอิสรภาพและเสรีภาพของคนไทย ซึ่งตกทอดเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในประวัติศาสตร์ไทยมาอย่างยาวนาน มวยไทย มีหลัก 5 ประการ คือ ประเพณี เกียรติยศ ความเคารพ ความยุติธรรม และความเป็นเลิศ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นรากฐานที่สำคัญของมนุษยชาติ และเป็นหลักเดียวกันกับกีฬาทุกชนิดที่ถูกบรรจุในการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิกยึดมั่นเช่นเดียวกัน

นอกจากมวยไทยจะเป็นศิลปะการต่อสู้เชิงวัฒนธรรมแล้ว มวยไทยยังถูกใช้ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาภายใต้คณะกรรมการโอลิมปิกสากลหลายรายการ อาทิ World Games, World Combat Games, European Olympic Games, Asian Indoor and Martial Arts Games, Arafura Games และอีกหลายรายการในอนาคต นอกเหนือจากศิลปะการต่อสู้แล้ว การไหว้ครูและแม่ไม้มวยไทยยังเป็นอีกการแข่งขันที่นักกีฬามีโอกาสได้ขึ้นแท่นรับเหรียญรางวัลพร้อมเพลงชาติและธงชาติอีกด้วย

โดยปี 2564 ถือเป็นก้าวสำคัญแห่งประวัติศาสตร์มวยไทยที่ ไอโอซี ให้การรับรองกีฬามวยไทยและฟิมา ให้เป็นหน่วยงานกำกับดูแลมวยไทยเพียงแห่งเดียว และเป็นหน่วยงานสูงสุดด้านกีฬามวยไทยในระดับสากล ซึ่ง อิฟมา ระลึกเสมอว่าประเทศไทย เป็นถิ่นกำเนิดของมวยไทย ประเทศไทย มีความภาคภูมิใจในมวยไทยเช่นเดียวกับประเทศเกาหลีใต้ ที่ภาคภูมิใจในกีฬาเทควันโด ประเทศจีน ที่ภาคภูมิใจในกีฬาวูซู และประเทศญี่ปุ่น ที่ภาคภูมิใจในกีฬาคาราเต้และยูโด และด้วยความยิ่งใหญ่ของมวยไทยนี้ ทำให้นักกีฬาและผู้ฝึกกีฬามวยไทยทั่วโลกต่างภาคภูมิใจ ส่งผลให้มวยไทยถูกยอมรับอย่างแพร่หลายในระดับสากลมายาวนาน

นอกจาก อิฟมา จะเป็นองค์กรกีฬามวยไทยเพียงองค์กรเดียวที่ถูกรับรองโดยองค์กรต่อต้านการใช้สารต้องห้ามโลก (วาดา) แล้ว ยังเป็นองค์กรยึดมั่นในการแข่งขันที่ยุติธรรมโดยปราศจากความรุนแรงและการละเมิดทุกรูปแบบ ปฏิบัติตามกฎระเบียบ และข้อบังคับต่างๆ เพื่อความปลอดภัยของนักกีฬา นักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันตามข้อกำหนด และแข่งขันตามเวลาที่กำหนดในแต่ละยกอย่างเข้มงวดเพื่อความปลอดภัยภายใต้มาตรฐานของไอโอซี เนื่องจากนักกีฬาที่ร่วมการแข่งขันจะต้องขึ้นชกอย่างน้อย 3 ครั้ง ใน 4 วัน เพื่อเข้าสู่รอบสุดท้าย ทำให้การปฏิบัติตามกฎและสวมอุปกรณ์ป้องกันมีความสำคัญอย่างมาก

“มูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ร่วมสนับสนุนอิฟมา อย่างเต็มที่ในการส่งเสริมกีฬามวยไทยในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมไทย นำไปสู่ความนิยมระดับโลก และพร้อมเดินหน้าไปสู่มหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่ประเทศไทยและนักกีฬามวยไทยทั่วโลก” นายสมพันธ์ ย้ำ