เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการต้านโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นสูงอีก 104 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา 35 ราย เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงอยู่ระหว่างการกักกันตัว 48 ราย สัมผัสผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อในจังหวัด 9 ราย อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 12 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุถึง 1,008 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายอายุ 48 ปี อาชีพพนักงานบริษัทเขตบางบอน กรุงเทพฯ ชาว อ.นาคู จ.กาฬสินธุ์ ไม่มีโรคประจำตัว ซึ่งติดเชื้อแล้วเดินทางกลับมารักษาที่ภูมิลำเนา เข้ารักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ ก่อนเสียชีวิต เนื่องจากปอดอักเสบรุนแรงจากโรควิด-19 และระบบหายใจล้มเหลว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2564 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสมยังอยู่ที่ 5 ราย
ขณะที่หน่วยกู้ภัยเมตตาธรรมกาฬสินธุ์ยังคงร่วมกับภาคีเครือข่าย จัดทีมอาสาสมัครนำรถตู้พยาบาลออกปฏิบัติภารกิจรับ-ส่งผู้ป่วยชาว จ.กาฬสินธุ์ และประชาชนหลายจังหวัดในภาคอีสานที่ติดเชื้อโควิด-19 จากพื้นที่กรุงเทพฯและจังหวัดปริมณฑล กลับมารักษาตัวที่ภูมิลำเนาอย่างต่อเนื่องฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้มีรายงานอีกว่า จากสถานการณ์ที่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงและต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งมีทั้งติดเชื้อแล้วขอกลับมารักษาในภูมิลำเนา กลับจากพื้นที่เสี่ยง และติดเชื้อจากผู้ป่วยยืนยัน ติดเชื้อในจังหวัด ทำให้ทางศบค.ประกาศกำหนดพื้นที่ป้องกันโรคระบาด ซึ่งจากเดิม จ.กาฬสินธุ์ อยู่ในกลุ่มสีส้ม เป็นพื้นที่ควบคุม ปรับและยกระดับเป็นสีแดง เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และให้ปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือพี่น้องชาว จ.กาฬสินธุ์ งดเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี พระนครศรีอยุธยา สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส
อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทาง จ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมรับผู้ป่วยโควิดที่เดินจากกลับภูมิลำเนา โดยการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามทุกอำเภอ เพื่อรองรับผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และพื้นที่กลุ่มจังหวัดเสี่ยง โดยล่าสุดนายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความพร้อมการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รองรับผู้ป่วยที่จะเดินทางจาก กลับจากกรุงเทพมหานครและพื้นที่กลุ่มจังหวัดเสี่ยงของอำเภอห้วยผึ้ง ซึ่งได้เตรียมสถานที่ บริเวณโรงเรียนค่ายลูกเสือ จ.กาฬสินธุ์ สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 50 เตียง จุดที่สอง ที่หอประชุมอำเภอนาคูหลังเก่า สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 40 เตียง และจุดที่ 3 ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามอำเภอเขาวง ใช้พื้นที่หอประชุมอำเภอเขาวงหลังเก่า รองรับผู้ป่วยได้ 12 เตียง นอกจานี้ในส่วนของอำเภอสหัสขันธ์ได้จัดสร้างโรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอย โดยแบ่งเป็นโรงพยาบาลสนามทั้งหมด 53 เตียง จุดพักคอยอีก 30 เตียง
นายสนั่น พงษ์อักษร รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนาม เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 19 ก.ค.นี้ พร้อมกันทั้ง 18 อำเภอ ซึ่งเจ้าหน้าที่มีความพร้อม ในการดูแลผู้ที่จะเดินทางกลับบ้าน และ ขอชื่นชมให้กำลังใจทุกภาคส่วนที่ต่างช่วยกัน จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด19 ในครั้งนี้ด้วย