จากกรณี สำนักงานตำรวจแห่งชาติออกโรงเตือนเรื่อง กลุ่มมิจฉาชีพคอลเซ็นเตอร์ที่อาศัยเทคโนโลยีและข้อมูลทางกฎหมายต่างๆ มาหลอกลวงให้ผู้เสียหายโอนเงินไปตรวจสอบ ทำให้เกิดความเสียหายหลาย 100 ล้านบาท แม้สื่อจำนำเสนอข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มคนร้ายก็จะหาช่องทางหลอกลวงผู้เสียหายอยู่เรื่อยไป เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเพจเฟซบุ๊ก “DHL Express Thailand ขนส่งด่วนระหว่างประเทศ” ได้โพสต์ปักหมุดข้อความ “ประกาศเตือนภัย” เกี่ยวกับมิจฉาชีพเอาไว้หลากหลายแง่มุมตั้่งแต่
โทรฯมาแจ้งว่ามีพัสดุจัดส่ง โดยให้กดหมายเลขเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม, โทรฯมาแจ้งว่าพัสดุจากต่างประเทศติดศุลกากร และไม่สามารถจัดส่งได้ ต้องแอดไลน์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อเคลียร์ของ, โทรฯมาแจ้งว่าคุณได้รับรางวัลและของอยู่ในระหว่างจัดส่ง แต่ต้องแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล หรือชำระค่าภาษีนำเข้า โดยที่คุณเองไม่ได้มีประวัติการร่วมกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด, โทรฯเข้ามากล่าวหาว่าส่งของผิดกฎหมาย และหลอกให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี หรือโอนสายให้เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์ จากนั้นก็ยังอ้างว่า คุณเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน มีประวัติส่งพาสปอร์ต บัตร ATM ไปประเทศจีน ฯลฯ, ส่งข้อความ SMS อ้างว่าเป็น DHL ชวนให้คลิกลิงค์ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพบนมือถือ
ข้อสังเกตสำคัญ #รู้ทันมิจฉาชีพ คือ มิจฉาชีพจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการจัดส่งพัสดุ (ชื่อผู้รับ ผู้ส่ง ต้นทาง ปลายทาง หมายเลขติดตามพัสดุ สถานะการจัดส่ง ฯลฯ) หากเป็นการติดต่อจาก DHL Express ตัวจริง เจ้าหน้าที่ของเราจะมีข้อมูลการจัดส่งเบื้องต้น รวมถึงหมายเลข waybill ที่ลูกค้าจะนำไปติดตามสถานะของพัสดุระหว่างประเทศได้ อีกทั้ง มิจฉาชีพมักจะแจ้ง “หมายเลข waybill” ที่ไม่มีอยู่จริง ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุระหว่างประเทศที่ขนส่งโดย DHL Express ได้เบื้องต้นที่ลิงก์นี้ https://mydhl.express.dhl/th/th/home.html
มิจฉาชีพจะบังคับให้โอนเงินเข้า “บัญชีธนาคารในชื่อบุคคล” ซึ่ง DHL Express ไม่มีนโยบายเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าภาษี หรือค่าบริการผ่านบัญชีธนาคารชื่อบุคคลเป็นอันขาด มิจฉาชีพจะกล่าวหาผู้รับสายว่าทำผิดกฎหมาย อ้างชื่อสถานีตำรวจและอาสาประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์หรือไลน์ หรือเรียกร้องให้โอนเงินเป็นหลักประกันและจะคืนให้ในภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งกระบวนการของตำรวจเช่นนี้ไม่มีอยู่จริง
ข้อควรปฏิบัติ คือ อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือหลงเชื่อโอนเงินเป็นอันขาด อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์ที่ส่งจาก SMS หรืออีเมลต้องสงสัย หากไม่แน่ใจ สามารถแจ้งร้องเรียนได้ด้วยการลากและวางอีเมลต้องสงสัยในข้อความใหม่ หรือแคปเจอร์ SMS ส่งมาที่ [email protected] และหากท่านได้รับความเสียหายจากมิจฉาชีพ ให้รวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดทั้งหมด และนำไปแจ้งความยังสถานีตำรวจในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการโพสต์แจ้งเตือนเกี่ยวกับมิจฉาชีพ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ได้ถูกโพสต์เอาไว้ตั้งแต่เดือน กันยายน 2021 ซึ่งมีการปักหมุดไว้บนสุดของเพจ ปรากฏว่า มีผู้เสียหายโพสต์เรื่องราวของกลุ่มมิจฉาชีพในลักษณะเดียวกันคือ แจ้งว่าเป็น DHL ตรวจสอบพบมีของหรือสิ่งผิดกฎหมาย จากนั้นจะให้คุยกับตำรวจ ก่อนจะแนะนำให้โอนเงินไปตรวจสอบ ซึ่งเรื่องราวเหล่นนี้ถูกเผยแพร่มาตั้งแต่ปี 64 ซึ่งก็ปรากฏว่าล่าสุดช่วงเช้าของวันเดียวกันนี้ (23 ม.ค.65) ก็ยังพบว่ามีผู้เสียหายโพสต์ข้อความเล่าว่า DHL ยังถูกนำไปใช้แอบอ้างอยู่ แสดงว่า มิจฉาชีพ หรือ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังคงใช้รูปแบบเดิมในการหลอกลวงผู้เสียหายแบบข้ามปี