เมื่อหมดทางจริงๆ ในยุคที่ผู้ป่วยโควิด-19 หาเตียงยากมากๆ หรือแทบจะหาไม่ได้ หลายคนนอนรอความตายอยู่ที่บ้าน จะหวังพึ่งทางการก็ไม่รู้จะได้รับการช่วยเหลือเมื่อไหร่ เพราะคนป่วยเยอะ คนตายก็แยะ คุณหมอคุณพยาบาลก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด สุดท้ายต้องพึ่งตัวเอง เพื่อหนีความเจ็บป่วย หนีความตาย
อย่างกรณีคุณพ่อคนหนึ่งที่ลูกชาย 2 คนติดเชื้อโควิด-19 ดิ้นรนหาหนทางดูแลลูกชายจนอาการดีขึ้นแบบไม่น่าเชื่อ จนโลกออนไลน์แชร์กันสนั่น และสอบถามวิธีการจำนวนมาก วันนี้ “เดลินิวส์” จึงตัดสินใจหาเบอร์โทรศัพท์เพื่อโทรฯ ไปพูดคุยกับคุณพ่อผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตารายนี้ โชคเข้าข้างได้พูดคุยกันจริงๆ
คุณพ่อท่านนี้ชื่อ คุณตั๊ก (สงวนชื่อและนามสกุลจริง) เล่าว่า จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เกิดขึันเมื่อปลายเดือน มิ.ย. หลานชายซึ่งป่วยเป็นโรคไตและต้องไปฟอกไตเป็นประจำ โดยมีแม่ยายไปเฝ้า ก็ต้องไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพราะสถานที่ฟอกไตนั้นมีคนติดเชื้อ หากไม่ไปตรวจ ไม่มีใบยืนยันว่าไม่ติดเชื้อจะเข้าไปฟอกไตไม่ได้
ทางหลานกับแม่ยายก็ไปตรวจ ก่อนพบว่าติดเชื้อ ด้วยความที่หลานเป็นผู้ป่วยโรคไต จึงได้รับการรับตัวไปรักษาทันที แต่ทางแม่ยายต้องรอเตียง คุณตั๊กจึงต้องนำกลับมาดูแลที่บ้าน ระหว่างนั้นลูกชาย 2 คน คนโตอายุ 16 ปี คนเล็กอายุ 15 ปี ก็เข้าไปคลุกคลีกับคุณยายทำให้มีอาการป่วยทันที
เมื่อลูกเริ่มป่วยมีไข้ตัวร้อน จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นก็ไม่รับรส มีอาการเบื่ออาหาร คุณตั๊กก็รู้เลยว่าลูกต้องติดเชื้อโควิด-19 แน่ ๆ ลูกมีไข้สูงมากในวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เลยโทรฯ ติดต่อขอไปตรวจเชื้อ ปรากฎว่าสถานที่ตรวจเต็มหมดทุกที่ กว่าจะได้ตรวจก็คือ 9 ก.ค. ก็พาลูกทั้งสองคนไปรอเข้าคิวที่จุดตรวจสนามกีฬาธูปะเตมีย์ จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ตี 3 ตอนนั้นฝนตก ก็กางร่มให้ลูก กว่าจะได้ตรวจก็ตอน 9-10 โมงเช้า คุณตั๊กกับภรรยาผลตรวจออกมาว่าไม่ติดเชื้อ แต่ในวันที่ 11 ก.ค. ผลตรวจของลูกชายออกมาว่าลูกติดเชื้อโควิด-19
ช่วงที่ลูกมีไข้สูงก่อนจะรู้ผลตรวจว่าติดเชื้อ คุณตั๊กซึ่งค่อนข้างเชื่อว่าลูกชายน่าจะติดโควิดแน่ ก็ไม่รีรอตัดสินใจแก้ปัญหาและดูแลลูกทันทีตั้งแต่เนิ่นๆ นับจากวันนั้น โดยไปที่ตลาดไท จ.ปทุมธานี ซื้อสมุนไพรต้องเหมาซื้อเป็นกระสอบ ราคาสมุนแพงมาก เช่น กระชายซื้อมาราคา 5 กิโลกรัม รวม 900 บาท พร้อมซื้อยารักษาตามการแพทย์แผนตะวันตก หมดเงินไปเป็นหลักหมื่นบาท
คุณตั๊กก็ดูแลรักษาลูกชาย ให้ลูกกินยาพาราเซตามอล 1 เม็ด กินฟ้าทะลายโจร 3 เม็ด กินแบบนี้วันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น แล้วให้ลูกเข้าอบซาวน่าเช้า-เย็น ถ้าลูกไอ ก็จะให้สูดไอน้ำทางจมูกแล้วพ่นออกทางปาก ทำแบบนี้อยู่ 3 วัน อาการของลูกดีขึ้นมาก ดังนั้นในช่วงที่ผลตรวจเชื้อออกมา อาการจริง ๆ ของลูกดีขึ้นมากแล้ว จมูกกลับมาได้กลิ่น ลิ้มรับรสได้ ในช่วงที่ป่วยก็เบื่ออาหาร ตอนนี้กลับมากินข้าวได้ปกติ 3 มื้อแล้ว ดังนั้นพอรู้ผลตรวจมา ก็ไม่ได้หาโรงพยาบาลให้ลูกไปรักษา เพราะอยากให้เตียงกับคนที่อาการหนักมากกว่า
คุณตั๊กยังให้ลูกกินสมุนไพรและวิตามินซีปกติ ทุกเช้าจะต้องให้ลูกกินน้ำขิงแก่ เพราะคนเป็นหวัดนั้น คอจะแห้ง กินน้ำขิงจะช่วยให้อาการดีขึ้น ยิ่งต้มร้อน ๆ ค่อย ๆ จิบ เชื่อว่าอาการจะดีขึ้น เพราะลูกกินแบบนี้ 3 วันก็ดีเลย คุณตั๊กยอมรับว่าตอนนั้นกลุ้มใจและเครียดมาก บอกกับตัวเองว่าในเมื่อมันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็วัดดวงไปเลย เพราะโทรฯ ไปหาโรงพยาบาลไหน ก็ไม่มีใครรับไปรักษา สุดท้ายจึงตัดสินดูแลรักษาลูกชายด้วยตัวเองตามที่วิธีที่ว่า
คุณตั๊กบอกว่าจะให้ลูกไปตรวจเชื้ออีกรอบในวันที่ 29 ก.ค. ส่วนตัวเองก็จะไปตรวจหาเชื้อเร็ว ๆ นี้ เพราะที่ผ่านมาก็หยุดงานไปรักษาลูก จนตอนนี้ลูกอาการดีแล้ว ก็ต้องตรวจเชื้อเพื่อจะได้กลับไปทำงานปกติ คุณตั๊กยังย้ำว่าลูกชายกินยาสมุนไพรกับยาแพทย์ตะวันตกคู่กัน และไม่ขอยืนยันว่าสูตรที่ให้ลูกกินนั้น จะเหมาะกับคนอื่นหรือไม่ เพราะการรักษานั้นต้องดูเหตุการณ์เฉพาะหน้า
อย่างที่บอกละครับว่า คนเราถ้าจวนตัวพึ่งอะไรทางการก็ไม่ได้ หันหน้าไปทางไหนก็ดูเหมือนจะสิ้นหวัง สุดท้ายก็พึ่งตัวเอง ลองทุกอย่างที่คิดว่าจะช่วยครอบครัว ช่วยคนที่เรารักและเรารักได้ แบบไหนก็ต้องเสี่ยง ดีกว่านอนรอความตาย หรือความหวังในวันที่มันแสนจะริบหรี่ลงเรื่อยๆ อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในเวลานี้.