เมื่อวันที่ 7 ม.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยกระทรวงสาธารณสุข ตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็ม 1-4 เดือน ม.ค.65 ประมาณ 9.3 ล้านคน สำหรับแนวทางการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็มที่ 4 สำหรับบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคเรื้อรัง โดยสูตรฉีดวัคซีน ดังนี้
(1) สูตรแรก ผู้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 เป็น ซิโนแวค-ซิโนแวค และเข็มที่ 3 เป็นแอสตราเซเนกา สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เป็น แอสตราเซเนกา ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา โดยระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็มที่ 3
(2) สูตรสอง ผู้ที่ฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 เป็นชิโนแวค-ซิโนแวค และเข็ม 3 เป็นไฟเซอร์ สามารถฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 เป็นไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา โดยระยะห่าง 3 เดือนขึ้นไปหลังฉีดเข็มที่ 3
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าสำหรับผู้ที่ประสงค์ฉีดวัคซีนครึ่งโด๊สหรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังให้เป็นไปตามดุลพินิจของแพทย์และความสมัครใจของผู้รับวัคซีน นอกจากนี้ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ขนาดโด๊สเด็ก จำนวน 10 ล้านโด๊ส เพื่อวางแผนฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี ผ่านระบบสถานศึกษา
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบ กรมการแพทย์ดำเนินการจัดหายา Paxlovid จำนวน 50,000 ชุดซึ่งใช้รักษาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีอาการไม่มาก ซึ่งยาหลักในการรักษายังเป็นยาฟาริพิราเวียร์ โดยใช้ยา Paxlovid เข้ามาเสริมและเตรียมเสนอที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาจัดสรรงบประมาณในการจัดซื้อต่อไป
ทั้งนี้ในช่วงท้าย นพ.ทวีศิลป์ ชี้แจงแม้กระทรวงสาธารณสุขยกระดับเตือนโควิดเป็นระดับ 4 แต่สามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้เหมือนเดิม แต่ขอความร่วมมือเดินทางเท่าที่จำเป็น.