จากเหตุการณ์ถังเคมีในบริษัท หมิงตี้ เคมีคอล ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ การเกิดระเบิดและเกิดเพลิงลุกไหม้ เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา หลังเพลิงสงบพบว่ายังมี สารเคมีสไตรีน โมโนเมอร์ ซึ่งเป็นสารเคมีอันตรายหลงเหลืออยู่ในถังบรรจุเคมีขนาดใหญ่อีกว่า 1,100 ตัน ประมาณกว่าหนึ่งล้านลิตรและได้มีการว่าจ้างให้ทางบริษัท อัคคีปราการ เป็นผู้ดำเนินการขนย้ายเคมีไปเผาทำลายตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 ก.คง นายวันชัย คงเกษม ผวจ.สมุทรปราการ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ ดูการขนย้ายสารเคมีสไตรีน ไปทำลายเที่ยวสุดท้าย ภายหลังเปิดเผยว่า วันนี้มีการขนย้ายสารสไตรีนที่อยู่ในถังบรรจุ 913.69 ตัน ซึ่งจากเดิมที่ประเมิณไว้ประมาณ 1 พันคิวหรือ 1 ล้านลิตร ตั้งแต่วันแรกที่มีการขนย้ายมาจนถึงวันนี้เป็นระยะเวลา 6 วันและในวันนี้เป็นการขนย้ายเที่ยวสุดท้ายแล้ว
สำหรับเรื่องคดีความนั้น พบว่ามีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้วกว่า 2,000 ราย รวมค่าเสียหายทั้งหมดกว่า 1 พันล้านบาท บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย รวมยานพาหนะรถยนต์กว่า 100 คัน ทรัพย์สินอื่น ๆ ที่ได้รับความเสียหายอีกหลายรายการ คดียังอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้จัดการและพนักงานในที่เกิดเหตุ
ส่วนเรื่องการเยี่ยวยาสภาพจิตใจของชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ มีการเริ่มทำตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว โดยเฉพาะบ้านจัดสรรมอบหมายให้ทางพนักงานจัดสรรที่ดิน ติดต่อทางโครงการให้ดูแลประชาชนที่อยู่อาศัยอยู่ในบ้านจัดสรร โดยจัดเจ้าหน้าที่ของโครงการเข้ามาตรวจสอบและซ่อมแซมให้ และโครงการอื่น ๆ ก็ทำด้วยเช่นกัน ในส่วนของอำเภอมีการประชุม กช.ปอ.เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนตามที่ร้องขอ ส่วนของจังหวัดก็มีการขอกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยสำนักนายกรัฐมนตรีและส่วนที่เกี่ยวข้อง และก็ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ โดยเฉพาะภาคเอกชนก็ได้ให้การช่วยเหลือ อาธิเช่นสมาคมไต้หวัน ก็ได้เข้ามาดูแลส่วนหนึ่งและจะมีส่วนที่จะเพิ่มเติมมาภายหลัง ทางบริษัทใหญ่ที่อยู่ในไต้หวัน ก็ยินดีที่จะรับผิดชอบด้วย
ขณะที่การส่งมอบพื้นที่เกิดเหตุคืนให้กับพนักงานสอบสวนนั้น ขณะนี้พบว่าในที่เกิดเหตุยังมีสารเคมีอยู่อีกหลายตัว แต่เท่าที่ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตราย จึงต้องให้ทางบริษัทอัคคีปราการ ดำเนินให้แล้วเสร็จก่อนถึงจะส่งคืนพื้นที่ในพนักงานสอบสวนได้ ส่วนที่ชาวบ้านยังกังวลเรื่องการปนเปื้อนสารเคมีในอากาศ ในน้ำและในดิน นั้นตลอดระยะเวลาที่มีการขนย้ายมาจนถึงปัจจุบันกรมควบคุมมลพิษได้เข้ามาตรวจสอบตลอดทุกวันทั้งในพื้นที่เกิดเหตุและรอบข้างพบว่าขณะนี้พบว่าผลการตรวจอยู่ในสภาพปกติทุกอย่างแล้ว
ด้าน นายศุภวัฒน์ คุณวรวินิจ ผอ.ฝ่ายบริหารการตลาด บริษัท อัคคีปราการเปิดเผยว่า อย่างที่ท่านผู้ว่าบอกไว้ว่ามันไม่ได้เป็นสารเคมีอันตรายอะไร แต่เพื่อความปลอดภัยสำหรับผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในพื้นที่ตรงนี้ ต่อจากทีมของตนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทางบริษัทประกันของทางบริษัท ก็อยากให้มั่นใจว่าตัวสารเคมีมันได้ถูกเอาออกไปหมดแล้วก็คิดว่าน่าจะใช้เวลาอีกไม่เกิน 1 อาทิตย์น่าจะแล้วเสร็จ