จากกรณีโลกออนไลน์แชร์คลิปภาพเหตุการณ์ ชายใส่ชุดราชทัณฑ์ เดินเข้ามาปัดมือถือพร้อมกับพูดจาแสดงความไม่พอใจหนุ่มไรเดอร์ส่งอาหารที่กำลังถ่ายคลิป โดยชายคนดังกล่าวได้ไปให้สัมภาษณ์ในรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ ทางช่อง 3 ระบุว่า เป็นข้าราชการสังกัดหนึ่งจริง โดยสาเหตุที่เดินมาต่อว่าชายที่ถ่ายคลิปก่อนจะปัดมือถือทิ้งนั้น ก็เพราะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่ไหว โดยก่อนหน้านี้ได้ขับรถไปบนถนนแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเจอคู่กรณีขี่จยย.ย้อนศรมา แล้วตนไม่ได้หลบให้ ซึ่งก็ไม่ได้ไปเฉี่ยวชนอีกฝ่ายแต่อย่างใด ปรากฏว่าอีกฝ่ายไม่พอใจชูนิ้วของลับให้ ก่อนจะถ่ายคลิปตอนที่ตนเข้ามาต่อว่า
“ลุงข้าราชการ”อ้างโมโหปัดมือถือหนุ่มจยย.ร่วง ขอโทษทำตัวไม่เหมาะสม
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า นายนัสที ทองปลาด ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รายงานข้อเท็จจริงว่า จากการตรวจสอบภาพเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่าบุคคลที่ปรากฏในคลิปวิดีโอเป็นข้าราชการสังกัดเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 31 ธ.ค. เจ้าหน้าที่เรือนจำกำลังขับรถยนต์ส่วนตัวเพื่อไปปฏิบัติหน้าที่เวรยามรักษาการในวันหยุดราชการ โดยใช้เส้นทางถนนผลาสินธุ์ ขณะกำลังจะเลี้ยวกลับรถใต้สะพานซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างทาง และมีลักษณะคับแคบ คู่กรณีได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ย้อนศรสวนทางมาด้วยความเร็ว และตะโกนด่าทอให้ของลับ เนื่องจากไม่พอใจที่ข้าราชการรายดังกล่าวไม่หยุดรถให้คู่กรณีผ่านทางไป ซึ่งเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครเห็นว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้มีเหตุเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น และคู่กรณีเป็นฝ่ายขับขี่รถจักรยานยนต์ผิดกฎจราจร โดยขับขี่ย้อนศรและฉวัดเฉวียนสวนทางมาเอง แต่กลับมาด่าทอให้ของลับ
โฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่เรือนจำฯ เกิดบันดาลโทสะและมีการโต้เถียงกันขึ้นดังเหตุการณ์ที่ปรากฏในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ทางกรมราชทัณฑ์ขอเรียนเพิ่มเติมว่า แม้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคลิปวิดีโอดังกล่าวจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงพฤติกรรมและการปฏิบัติตนของข้าราชการ ซึ่งต้องพึงปฏิบัติตนให้เป็นที่เชื่อถือศรัทธาแก่ประชาชน ปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความสุภาพ อ่อนน้อม มีวินัย และรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ กรมราชทัณฑ์ขอโทษต่อสังคมต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อพิจารณาโทษทางวินัยในกรณีดังกล่าว และมีคำสั่งมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวพ้นจากการปฏิบัติหน้าที่เดิม และมาปฏิบัติหน้าที่ส่วนอื่นแล้ว.