นางสาวราอูชัน เยสบูลาโตวา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย กล่าวว่า หนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญของประเทศคาซัคสถาน คือนโยบายด้านความสัมพันธ์ระหว่างเชื้อชาติที่ริเริ่ม โดยนายนูร์ซุลตัน นาซาร์บายิฟ ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศคาซัคสถาน ด้วยความที่เราเป็นประเทศที่มีความแตกต่างทางชาติพันธุ์ การสงวนไว้ซึ่งความกลมเกลียวระหว่างเชื้อชาติและการสร้างอัตลักษณ์พลเมือง จึงเป็นสิ่งสำคัญ แนวคิดด้านการเมืองชาติพันธุ์ได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับอิสรภาพของคาซัคสถาน และประเทศของเราก็ตระหนักดีว่า องค์ประกอบสำคัญของนโยบายระหว่างเชื้อชาติ คือความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่สัมฤทธิ์ผลได้ด้วยความแตกต่าง ความสมานสามัคคีจึงเป็นปัจจัยที่ช่วยเติมเต็มอิสรภาพของคาซัคสถาน ซึ่งประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกเป็นอย่างดีในปัจจุบัน
“ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของคาซัคสถานมีมูลค่ากว่า 170,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า นับตั้งแต่การประกาศอิสรภาพ คาซัคสถานนับว่ามีบรรยากาศการลงทุนที่ดีที่สุดในภูมิภาคและได้เติบโตเป็นระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียกลาง นอกจากนี้ ด้วยนโยบายต่างประเทศแบบหลายทิศทาง คาซัคสถานจึงมุ่งหวังจะสร้างความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างประเทศ ในฐานะประเทศผู้นำระดับภูมิภาคประเทศหนึ่ง คาซัคสถานมีความพร้อมด้วยศักยภาพที่หลากหลาย ตั้งแต่การปฏิรูปเศรษฐกิจ การเปิดกว้างต่อการค้าระหว่างประเทศ การลงทุนไปจนถึงเสถียรภาพทางการเมือง”
เป็นเวลากว่า 30 ปีที่คาซัคสถานได้สร้างความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 186 ประเทศทั่วโลก ซึ่งรวมถึงราชอาณาจักรไทยด้วย ดังนั้น คาซัคสถานจึงเฉลิมฉลองวาระอันพิเศษนี้อย่างชื่นมื่นในดินแดนที่คาซัคสถานได้สร้างมิตรสัมพันธ์อันดีงาม และในวาระที่น่าจดจำนี้ คาซัคสถานจึงได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยสีสันในประเทศไทย
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีแห่งอิสรภาพของคาซัคสถาน โดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทยได้จัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างตัวแทนจากหน่วยงานภายใต้รัฐบาลไทย องค์กรพาณิชย์ต่าง ๆ ในประเทศไทย และเจ้าหน้าที่การทูตตัวแทนประเทศต่าง ๆ ประจำกรุงเทพฯ ซึ่งการแข่งขันได้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ณ สนามกีฬาสโมสรฟุตบอลการท่าเรือ โดยแมทช์ที่น่าจดจำนี้ได้รับการสนับสนุนจากนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย และนายอรรถนพ พันธุกำเหนิด กงสุลกิตติมศักดิ์คาซัคสถาน
ร่วมด้วย การจัดกิจกรรมการปั่นจักรยาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 30 ปีแห่งอิสรภาพของคาซัคสถาน ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2564 ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) โดยได้รับการสนับสนุนจากกรุงเทพมหานคร ในงานมีผู้ช่วยปลัดกรุงเทพมหานครและเจ้าหน้าที่ทางการทูตตัวแทนประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทยเข้าร่วมกิจกรรม
นอกจากนี้ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทย ยังได้จับมือกับ Kazakh Thai Alliance, Thai Art and Culture International Association และ “Katyusha” Dance School เพื่อร่วมกันจัดการแสดงสองวัฒนธรรมในรูปแบบแฟลชม็อบในวาระครบรอบ 30 ปีแห่งอิสรภาพของคาซัคสถาน ภายในงานมีการแสดงที่ผสมผสานการละเล่นดอมบราแบบคาซัคและไทย ตลอดจนการแสดงนาฏศิลป์ประจำชาติของทั้งสองประเทศ ณ วัดอรุณราชวราราม กรุงเทพฯ
ในวาระการครบรอบ 30 ปีแห่งอิสรภาพของสาธารณรัฐคาซัคสถาน ไม่เพียงจารึกความสำเร็จอันงดงาม ที่ผ่านมาและเสรีภาพอันมีเอกลักษณ์ในแบบของคาซัคสถานในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการตอกย้ำศักยภาพของคาซัคสถานในเวทีโลก ในโอกาสอันดีนี้ การตระหนักถึงคุณค่าของจุดแข็งของคาซัคสถานจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการก้าวขึ้นเป็นกำลังสำคัญในการประสานความร่วมมือระดับภูมิภาคในยุโรปและเอเชีย สาธารณรัฐคาซัคสถานกำลังอยู่ภายใต้การเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นระบบเศรษฐกิจประเทศกำลังพัฒนาอันทรงพลังแห่งยุโรปและเอเชีย ตลอดจนการเป็นกระบอกเสียงทางการทูตที่ไว้วางใจได้ในระดับโลก