นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า สมาคมฯ เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งจัดหาและกระจายวัคซีนอย่างรวดเร็วและทั่วถึงให้กับบุคลากรของกลุ่มการค้าปลีกและบริการ เพื่อให้การล็อกดาวน์ครั้งนี้ เจ็บแต่จบ และหากฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมาย ก็จะสามารถเปิดประเทศได้ พร้อมกับมีมาตรการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประกอบการค้าปลีกและบริการ โดยลดค่าน้ำ ค่าไฟ เพิ่มเป็น 50% ระยะเวลา 6 เดือน และเพิ่มมาตรการพักหนี้ ช่วยลูกหนี้ในพื้นที่ล็อกดาวน์จาก 2 เดือน เป็น 6 เดือน พร้อมกับหยุดคิดดอกเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่เป็นผู้รับสินเชื่อจากสถาบันการเงิน เพื่อนำไปให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี

นอกจากนี้ยังต้องใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน โดยปรับกลไกโครงการ ยิ่งใช้ยิ่งได้ ให้เหมือนกับโครงการ ช้อปดีมีคืน และเพิ่มวงเงินเป็น 100,000 บาทเพื่อกระตุ้นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ, ส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมโดยจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่มของธุรกิจอีคอมเมิร์ซตั้งแต่บาทแรกและห้ามขายสินค้าต่ำหว่าทุน, ปลดล็อกขั้นตอนการออกใบอนุญาตเหลือเพียง 1 ใบ จากเดิมที่ต้องขอใบอนุญาตกว่า 43 ใบ จาก 28 หน่วยงาน, ขยายเวลาโครงการส่งเสริมการจ้างงานใหม่สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ซึ่งจะสิ้นสุด 31 ธ.ค.64 ออกไปอีก 1 ปี และทดลองใช้ระบบการจ้างงานประจำเป็นรายชั่วโมง เพื่อสอดคล้องกับช่วงฟื้นฟูธุรกิจและเกิดการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น