สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ค.โดยอ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวในรัฐบาลวอชิงตัน ว่าหน่วยงานด้านความมั่นคงส่งเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งเดินทางไปยังเฮติ ในสัปดาห์นี้ เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปอร์โตแปรงซ์ หลังเกิดหตุลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวเนล โมอิส เมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา
แม้ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่สหรัฐจะส่งเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงเดินทางไปรักษาความปลอดภัยตามสถานเอกอัครราชทูต โดยส่วนใหญ่จะใช้เจ้าหน้าที่จากกองกำลังนาวิกโยธิน แต่การดำเนินการในเวลานี้ยิ่งสะท้อนสถานการณ์ที่ไร้เสถียรภาพ และภาวะไม่ปกติอย่างยิ่งในเฮติ ที่เกิดขึ้นหลังการถึงแก่อสัญกรรมของโมอิส
ขณะเดียวกัน หน่วยงานด้านข่าวกรองและความมั่นคงของสหรัฐกำลังตรวจสอบย้อนหลัง เกี่ยวกับประวัติของผู้ต้องสงสัยชาวโคลอมเบีย 17 คน ที่ทางการเฮติระบุว่า เป็นทหารรับจ้าง และพลเมืองเฮติ-อเมริกัน อีก 3 คน ว่ามีความเชื่อมโยงในทางใดกับหน่วยงานในสังกัดของรัฐบาลวอชิงตันหรือไม่ โดยแหล่งข่าวเผยว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างทหารรับจ้างชาวโคลอมเบีย กับหน่วยงานใดของสหรัฐ แต่มีการคาดการณ์ว่า "อาจพบความเชื่อมโยงในอนาคต"
ในส่วนของกลุ่มผู้ต้องสงสัยชาวเฮติ-อเมริกันนั้น รายงานหลายกระแสก่อนหน้านั้นระบุว่า มีบุคคลซึ่งทำหน้าที่เป็น "ผู้ให้ข้อมูล" กับสำนักงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐ ( ดีอีเอ ) รวมอยู่ด้วย และแหล่งข่าวเปิดเผยว่า คือนายโจเซฟ วินเซนต์ วัย 55 ปี มีถิ่นพำนักอยู่ในรัฐฟลอริดา ทั้งนี้ วินเซนต์และชาวเฮติ-อเมริกันอีกคนหนึ่ง คือนายเจมส์ โซแลงส์ วัย 35 ปี ยืนยันว่าเป็นเพียงล่ามเท่านั้น.
เครดิตภาพ : AP