นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของไทยปัจจุบันนี้ ค่อนข้างวิกฤติ ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจอยู่ในภาวะแย่มาก ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาชน อยู่ในสภาพย่ำแย่มาก โดยเฉพาะเรื่องวัคซีน ที่วันนี้มีปัญหาค่อนข้างมาก ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีแอพจองวัคซีนมากที่สุดในโลก และหลายแอพก็ถูกเท ยังไม่ได้รับการจัดสรร ส่งผลให้ประเทศไทยอยู่ในภาวะการขาดความเชื่อมั่นเรื่องวัคซีน ซึ่งขอประกาศตามหาวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่กระทรวงสาธารณสุขเคยแจ้งจัดส่งวัคซีนมาฉีดให้ได้เดือนละ 10 ล้านโด๊ส โดยมิ.ย. 10 ล้านโด๊ส และก.ค. 10 ล้านโด๊ส แต่ปัจจุบันไม่ได้รับการจัดสรรตามจำนวนที่กำหนด 

ทั้งนี้ ส.อ.ท. เห็นว่าการประกาศล็อกดาวน์ออกไป 14 วัน อาจจะไม่สามารถแยกผู้ป่วยโควิดออกไปได้ และจะกระทบต่อแผนการเปิดประเทศ 120 วัน ที่ไม่น่าจทำได้ทัน เพราะการเปิดประเทศใน 120 วันจะต้องมีการฉีดวัคซีนครอบคลุมประชากร 50% อย่างต่ำ แต่ปัจจุบันการฉีดวัคซีนไม่เป็นไปตามแผน โดยต่อวันฉีดวัคซีนไม่ถึงครึ่ง หรือได้แต่ 20% ของเป้าหมายการฉีดต่อวัน 4-5 แสนโด๊ส

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่มาก มีเพียงกลุ่มเดียว คือ ภาคการส่งออกยังคงขยายตัว แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดในกลุ่มโรงงานทุกเซ็คเตอร์ที่พบว่า มีการระบาดโควิดหมด แรงงานอุตสาหกรรม 10 ล้านคน เพิ่งได้รับการฉีดวัคซีนไม่ถึง 2 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณ 10% เท่านั้น ถือว่า น่ากังวล จึงจำเป็นต้องเร่งในเรื่องวัคซีนทางเลือกเข้ามา ซึ่ง ส.อ.ท. ได้รับการจัดสรรวัคซีนซิโนฟาร์ม 3 แสนโด๊สครบแล้ว และจะฉีดครบได้ภายในสัปดาห์นี้

นายสุพันธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ส.อ.ท. ได้ตั้ง 5 คณะ ได้แก่ 1)คณะทำงานด้านข้อมูลโควิด มีหน้าที่จัดการให้ความรู้คู่มือการใช้ Rapid Test, แนวการปฏิบัติตัวในช่วงโควิดและหลังโควิด ผ่านระบบ e-Learning และจัดทำคู่มือการปลูกและแจกเมล็ดพันธุ์ฟ้าทะลายโจร โดยมีนายศักดิ์ชัย อุ่นจิตติกุล รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธานคณะทำงานฯ

2) คณะทำงานจัดหาชุด Rapid test และจัดทำห้องความดันลบ มีหน้าที่ดำเนินการจัดหาชุด Rapid test & Product และจัดทำห้องความดันลบ โดยมีนายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธานคณะทำงานฯ 

3) คณะทำงาน Call Center และประสานงาน ทำหน้าที่ประสานงานรับเรื่องการตรวจโควิด-19 ร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และให้ข้อมูลที่ถูกต้องในการช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด-19 โดยมีนายอภิชิต ประสพรัตน์ รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธานคณะทำงานฯ

4) คณะทำงานระบบแจ้งเตือนผู้มีความเสี่ยงโควิด ทำหน้าที่ผลักดันต่อกรมควบคุมโรคเพื่อให้ภาคราชการ เอกชน ประชาชนได้ใช้ระบบ Exposure Notification Express (ENX) ในการติดตามและแจ้งเตือนเมื่อใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือกลุ่มเสี่ยง โดยมีนายสมโภชน์ อาหุนัย รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธานคณะทำงานฯ 

5) คณะทำงานรับบริจาคช่วยเหลือ ทำหน้าที่เปิดรับบริจาคหาเงินช่วยเหลือในการดำเนินโครงการจัดทำห้องความดันลบ การจัดซื้อชุด Rapid test และการจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม โดยมีนางพิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล รองประธาน ส.อ.ท. เป็นประธานคณะทำงานฯ

“ในส่วนของชุดตรวจ antigen ทาง ส.อ.ท. กำลังจะนำเข้ามาเบื้องต้น 5 หมื่นชุด เพื่อกระจายให้กับโรงงาน และขอเรียกร้ององค์การเภสัชกรรม ในการดำเนินการนำเข้าเรื่องชุดตรวจโควิด ที่จะได้ดูเรื่องราคาไม่แพงเกินไป และไม่ควรขายราราแพงเกินควร เช่น 300-400 บาท โดยชุดละ 100 กว่าบาทน่าจะเป็นไปได้ เพราะในยุโรปมีการขายชุดตรวจต่ำกว่า 100 บาท”

ส่วนฟ้าทะลายโจร ที่ขาดตลาดขณะนี้ ส.อ.ท.ได้หารือสมาขิกในกลุ่มแจกเมล็ดพันธุ์ให้กับโรงงาน 1.2 หมื่นแห่งนำไปปลูก แก้ปัญหาในปัจจุบัน