นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มทิสโก้สำหรับไตรมาส 2 ปี 2564 เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,666 ล้านบาท ลดลง 5.5% จากไตรมาสก่อน จากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่ลดลง 21.4% โดยรายได้ค่าธรรมเนียมชะลอตัวลงจากไตรมาสที่แล้ว ประกอบไปด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมธุรกิจธนาคารพาณิชย์ปรับลดลง โดยเฉพาะธุรกิจนายหน้าประกันภัย ตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่ซบเซาจากการโควิด-19

ขณะเดียวกัน ธุรกิจตลาดทุนชะลอตัวลง ทั้งค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ จากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ลดลง และค่าธรรมเนียมจากธุรกิจจัดการกองทุน จากการออกกองทุนใหม่ที่น้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ในขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 1.2% ตามการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่ายสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น อยู่ที่ 1.0% ของยอดสินเชื่อเฉลี่ย ลดลงจากไตรมาสที่แล้ว ซึ่งในไตรมาส 1 ปี 2564 บริษัทได้ตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจากสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ล่วงหน้าไปแล้ว สอดคล้องกับนโยบายการตั้งสำรองอย่างระมัดระวัง

สำหรับผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 กำไรสุทธิมีจำนวน 3,430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.8% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากธุรกิจตลาดทุนที่ปรับตัวดีขึ้น และการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน ในขณะที่รายได้หลักจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ยังคงอ่อนแอ ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 5.0% จากการชะลอตัวของสินเชื่อ เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 ที่ยังยืดเยื้อ ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเติบโต 32.3% หลักๆ มาจากค่าธรรมเนียมธุรกิจหลักทรัพย์ ตามปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมธุรกิจจัดการกองทุน และการรับรู้กำไรจากเงินลงทุน สำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากการตั้งสำรองล่วงหน้าในช่วงต้นปี 2563 ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นเฉลี่ย อยู่ที่ 17.7%

สำหรับเงินให้สินเชื่อรวมของกลุ่มทิสโก้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2564 มีจำนวน 213,995 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากสิ้นปีก่อนหน้า จากการชะลอตัวของทุกธุรกิจ ตามการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังในภาวะความเสี่ยงที่สูงขึ้น และการชำระคืนหนี้ของสินเชื่อธุรกิจและเอสเอ็มอี ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.7% จากลูกหนี้ปรับโครงสร้างบางส่วนที่ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ แต่ยังคงอยู่ในกรอบที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงมีระดับเงินสำรองหนี้สูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ อยู่ในระดับสูงที่ 213.7%