“ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ชุดใหญ่ เตรียมแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน “เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020” ที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 5 ธ.ค.64-วันที่ 1 ม.ค.65 โดยทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม A ร่วมกับ “เจ้าภาพ” สิงคโปร์, เมียนมา, ฟิลิปปินส์ และติมอร์เลสเต

นักเตะทีมชาติไทยจะมารายงานตัวในวันที่ 29 พ.ย. หลังจากจบการแข่งขัน “รีโว่ ไทยลีก” เลกแรกในช่วงสุดสัปดาห์นี้ จากนั้นจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์ วันที่ 1 ธ.ค. ยกเว้นนักเตะที่เล่นอยู่ต่างประเทศจะตามไปสมทบ เท่ากับว่าทีมชาติไทยจะมีเวลาซ้อม 3 วันก่อนแข่งขันนัดแรกกับติมอร์เลสเต ในวันที่ 5 ธ.ค. อย่างไรก็ตามหลังจากจบเกมแรกกับ ติมอร์ ทีมชาติไทยจะมีเวลาซ้อมอีก 5 วันก่อนที่จะลงเล่นนัดที่ 2 กับ เมียนมา ในวันที่ 11 ธ.ค. รวมถึงจะได้ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน และ “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่มาสมทบหลังจากฟุตบอลเจลีก ปิดฤดูกาลวันที่ 4 ธ.ค.

มาโน โพลกิง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ชุดใหญ่ กล่าวถึงการที่ทีมช้างศึกจะมีเวลาเตรียมตัวช่วงระหว่างนัดแรกถึงนัดที่ 2 ว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับทีมชาติไทยและเป็นสิ่งที่ตัวเองก็ชอบด้วย เพราะเวลาคือสิ่งที่ทีมชาติไทยต้องการในการทำงานร่วมกัน วางแผนต่างๆ ได้

เมื่อถามถึงการศึกษาคู่แข่งสำคัญอย่าง “แชมป์เก่า” เวียดนาม มาโน กล่าวว่า ได้ดูฟอร์มของดาวทองมาบ้าง ข้อได้เปรียบของเวียดนามคือได้ซ้อมกันมาต่อเนื่อง 3-4 เดือน เนื่องจากเตรียมตัวแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกด้วย และในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเป็นทีมที่มีผลงานดีมากๆ ส่วนมาเลเซียเองก็อันตราย ทำได้ดีในการเจอกันล่าสุดกับทีมชาติไทย และมีความมั่นใจว่าตัวเองพัฒนาขึ้นมา อย่างไรก็ตาม ตนมั่นใจว่าทีมชาติไทยชุดนี้ดีพอจะเป็นแชมป์ ด้วยการเตรียมงานที่ดี มีการซ้อมที่ดี จะไปดูกันว่าสามารถทำอะไรกับทีมชุดนี้ได้บ้าง