ทรูวิชั่นส์ เตรียมถ่ายทอดสดการแข่งขันกอล์ฟรายการเก่าแก่ที่สุด “ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งที่ 149 เมเจอร์ที่ 4 เมเจอร์สุดท้ายของปี จากสนามรอยัล เซนต์จอร์จ ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 15-18 ก.ค.นี้ ทางทรูวิชั่นส์ ช่องฟ็อกซ์สปอร์ต 2 (689) ชมจุใจกว่า 47 ชั่วโมง ตลอดการแข่งขันทั้ง 4 วัน โดยรายการนี้จะเงินรางวัลรวม 11.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 375 ล้านบาท แชมป์จะได้รับ 1 .93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 63 ล้านบาท
สำหรับปี 2020 ที่ผ่านมา “ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ” ถูกยกเลิกการแข่งขันเป็นครั้งแรก เพราะปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ปี 2021 กลับมาแข่งขันตามโปรแกรมปกติ ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ก.ค. ซึ่ง “ดิ โอเพ่น แชมเปี้ยนชิพ” ครั้งล่าสุด ในปี 2019 ที่สนามรอยัล พอร์ทรัช ในไอร์แลนด์เหนือ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มาจัดที่นี่ (ปกติจัดในอังกฤษและสกอตแลนด์) ชัยชนะตกเป็นของ เชน ลาวรีย์ โปรชาวไอริช ที่คว้าแชมป์เมเจอร์แรกในอาชีพ ด้วยสกอร์รวม 269
“ดิ โอเพน แชมป์เปี้ยนชิพ” เป็นเมเจอร์เดียวจากทั้งหมด 4 เมเจอร์ที่ไม่ได้แข่งในสหรัฐอเมริกา โดยจะจัดในอังกฤษและสกอตแลนด์ เป็นส่วนใหญ่ เอกลักษณ์ที่โดดเด่น และเป็นเสน่ห์ก็คือสนามลิงค์คอร์ส ติดทะเล ที่มีเลย์เอาต์ท้าทายฝีมือนักกอล์ฟ
ในปีนี้สนามรอยัล เซนต์จอร์จ ในเมือง แซนวิช, เคนต์ ประเทศอังกฤษ เป็นเจ้าภาพ นอกจากความยากของสนามแล้ว ก็ยังมีตัวแปรสำคัญอย่างสภาพอากาศแปรปรวน ทั้งลมและฝน รวมทั้งจะมีการเปิดให้แฟนๆ กอล์ฟ เข้ามาชมในสนามวันละ 32,000 คน อีกด้วย
สำหรับมือเต็งแชมป์ปีนี้มากันครบ นอกจากแชมป์คนล่าสุดอย่าง เชน ลาวรีย์ ก็ยังมี จอห์น ราห์ม มือ 1 ของโลกคนล่าสุดจากสเปน เจ้าของแชมป์เมเจอร์ ยูเอส โอเพน 2021 ซึ่งเป็นนักกอล์ฟคนที่ 7 ที่ชนะ ยูเอส โอเพน และ ดิโอเพน ในปีเดียวกัน, ดัสติน จอห์นสัน จากสหรัฐอเมิรกา อดีตหมายเลข1 ของโลก และเคยเป็นแชมป์ เมเจอร์อย่าง มาสเตอร์ส และยูเอส โอเพ่น, จัสติน โทมัส, โคลิน โมริคาวา, ซานเดอร์ ชอฟเฟล, ไบรสัน เดอแชมโบ รวมไปถึง บรูคส์ เคปกา
ขณะที่ ฟิล มิคเคลสัน ที่ทำสถิติแชมป์ เมเจอร์ที่อายุมากสุดในปีนี้จากการเป็นแชมป์ พีจีเอ แชมป์เปี้ยนชิพ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เคยเป็นรองแชมป์ที่สนามนี้ในปี 2011ส่วนนักกอล์ฟอังกฤษ และ ยุโรปมีโอกาสเป็นแชมป์คือ จัสติน โรส, ทอมมี่ ฟลีตวูด, รอรี่ แม็คอิลรอย, ไทเรลล์ แฮตตัน, ลี เวสต์วูด และ พอล เคซี่ย์ โดย ทรูวิชั่นส์ ถ่ายทอดสดให้แฟนๆ ได้ติดตามความยิ่งใหญ่และคลาสสิกของ ดิ โอเพ่น ตลอด 4 รอบกว่า 47 ชั่วโมง รวมทั้งไฮไลต์ทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง