เมื่อวันที่ 23 พ.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รองผบช.น. และ พ.ต.ท.โอภาส หาญณรงค์ รองผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. แถลงจับกุม นายเจี๋ย หลิว อายุ 35 ปี ชาวจีน พร้อมของกลางสมุดบัญชีธนาคาร 17 เล่ม โทรศัพท์มือถือ 23 เครื่อง และซิมการ์ดโทรศัพท์ 13 อัน จับได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ถนนพระราม 9 ซอย 13 แขวงและเขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ  


พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายแจ้งความที่ สน.โคกคราม ว่า กู้เงินนอกระบบทางออนไลน์ที่ส่งข้อความเข้ามาในโทรศัพท์ ผ่านแอพพลิเคชั่นชื่อ “Cash Go” ผู้เสียหายกู้เงิน 2,800 บาท ถูกหักค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมแล้วได้เงิน 1,625 บาท คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 234 ต่อเดือน และกำหนดชำระคืนภายใน 7 วัน หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ภายในกำหนดระยะเวลา จะถูกทวงถามด้วยวิธีการส่งข้อความไปข่มขู่ผ่านบุคคลที่ 3 ในลักษณะประจาน ทำให้ผู้กู้เงินได้รับความอับอายเสียชื่อเสียง​ เจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนจนทราบว่าผู้ต้องหาคือ นายเจี๋ย หลิว จึงขอหมายศาลอาญาเข้าตรวจค้นจับกุม 

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนทราบว่า นายเจี๋ย หลิว แต่งงานกับคนไทยและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยมานานหลายปี โดยเป็นผู้ดูแลจัดการแอพพลิเคชั่นเงินกู้ 5 แห่ง ได้แก่ Cash Go, Royal Cash, Thai Cash, Cash Wai, และ K Cash มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศเมียนมา ว่าจ้างบุคคลอื่นเปิดบัญชีธนาคารผูกกับซิมโทรศัพท์เพื่อโอนเงินเข้าบัญชีให้ลูกค้าและรับเงินที่ลูกหนี้ผ่อน ทั้งนี้ตรวจสอบทราบว่าทุกๆ 3 เดือน ผู้ต้องหาได้กำไรจากการปล่อยเงินกู้ 40 ล้านบาท จากนั้นเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัลก่อนโอนไปให้นายทุนชาวจีนที่ต่างประเทศ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ฯ และเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด นำตัวพร้อมของกลางส่ง พนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ดำเนินคดี