เมื่อวันที่ 13 ก.ค. พลโท ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ให้สัมภาษณ์กับ เดลินิวส์ ถึงกรณีที่ พิธีกรช่องวอยซ์ ทีวี มีการโพสต์เนื้อหาบนสื่อสังคมออนไลน์ว่าจะมีการปิดช่องวอยซ์ ทีวี นั้น ไม่ตรงกับความจริง โดยปัจจุบัน วอยซ์ ทีวี ขอยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการไปแล้ว จึงไม่มีการออกอากาศในภาคพื้นดินอีกแล้ว แต่เปลี่ยนไปออกทางสื่อออนไลน์ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจึงเป็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับ กสทช.

อย่างไรก็ตามในกรณีที่ กสทช.มีการสั่งปรับเนื่องจากมีการนำคอนเทนต์ไปออกที่ช่องรายการ Video To Home 9 ในดาวเทียม ซึ่งมีคนของวอยซ์ ทีวี ร่วมผลิตรายการ ซึ่ง คอนเทนต์มีเนื้อหาโฆษณาที่ผิดกฎหมายจึงได้สั่งปรับไปกับเจ้าของช่องรายการ Video To Home 9 จำนวน 5 หมื่นบาท ไม่ใช่ปรับวอยซ์ ทีวี และยังได้มีการส่งหนังสือแจ้งทางปกครองไปยัง เจ้าของช่องรายการ Video To Home 9 เช่นกัน เรื่องโฆษณาบริการหรือสินค้าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ซึ่งหากยังฝ่าฝืนจะมีโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000,000 บาท

“วอยซ์ ทีวี แจ้งความประสงค์ขอยกเลิกใบอนุญาตฯ และได้รับเงินชดเชยจากทางภาครัฐไปแล้ว การออกอากาศในภาคพื้นดินจึงทำไม่ได้ แต่เขาไปออกออนไลน์ จึงเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงดีอีเอส จะตรวจสอบ และที่ผ่านมา กสทช. มีการสั่งปรับเจ้าของรายการเกี่ยวกับโฆษณาเนื้อหาผิดกฎหมาย ทั้งในส่วนของการออกอากาศทางทีวีและวิทยุชุมชนจำนวนมากอยู่แล้ว ซึ่งในส่วนของการสั่งปรับช่องรายการ Video To Home 9  ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นการทำตามกฎหมาย และจะมาอ้างว่าเป็นวอยซ์ ทีวี ไม่ได้ และตนก็ไม่ได้นึกถึงวอยซ์ ทีวี เพราะไม่มีในสารบบอยู่แล้ว เมื่อเนื้อหามีความผิดคนที่ถูกตักเตือนสั่งปรับ คือ เจ้าของช่องรายการ Video To Home 9  ซึ่งการโพสต์ข้อมูลของพิธีกรดังกล่าว จึงเป็นเรื่องเลอะเทอะไม่ตรงความจริง ไม่ได้มีคำสั่งปิดจาก กสทช.แต่อย่างใด” พลโท ดร.พีระพงษ์ กล่าว